พระนครศรีอยุธยา - เจ้าหน้าที่เร่งเสริมกระสอบทรายกั้นให้หนายิ่งขึ้น เพื่อป้องกันน้ำทะลักเข้าท่วม “วัดพนัญเชิงวรวิหาร-หมู่บ้านญี่ปุ่น” ในพระนครศรีอยุธยา หลังน้ำท่วมหนักจนจมน้ำ ส่วน “ถนนอยุธยา-บางปะอิน” สายในถูกตัดขาดแล้ว ชาวบ้านต้องใช้เรือแทนถนน ด้านนิคมฯสหรัตนนครอ่วมน้ำท่วมกว่า 40 โรงงาน
วันนี้ (5 ต.ค.) พ.ต.อ.ศุภากรณ์ จันทราบุตร ผกก.ปฎิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 50 นาย ช่วยกันกรอกกระสอบทรายและเสริมคันกั้นน้ำตลอดแนวรอบรั้วที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา และป่าสัก ของวัดพนัญเชิงวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีหลวง่พ่อโต ที่ศักดิ์สิทธิ์และมีนักท่องเที่ยวมากราบไหว้บูชาจำนวนมาก หลังจากที่น้ำได้ทะลักเข้าท่วมโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา และปริมาณน้ำยังไหลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้น้ำไหลท่วมในหลายพื้นที่ใน จ.พระนครศรีอยุธยา อย่างหนัก
และเมื่อคืนที่ผ่านมา (4 ต.ค.) น้ำยังได้ไหลทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านการเคหะแห่งชาติ อ.เมืองพระนครศรีอยุธยา อีก ทำให้ชาวบ้านต่างขนย้ายข้าวของหนีน้ำขึ้นมาอยู่บนที่สูงและถนน ส่วนบางคนเก็บของไม่ทันต้องปล่อยให้จมน้ำเพราะไม่รู้จะขนไปเก็บไว้ที่ไหน ขณะเดียวกัน น้ำยังได้เริ่มไหลเข้าท่วมถนนโรจนะ และเข้าท่วมตลาดสี่แยกวัดพระญาติ ด้วย
ส่วนหมู่บ้านญี่ปุ่น ต.เกาะเรียน อ.พระนครศรีอยุธยา ถูกน้ำท่วมแล้วทั่วทั้งพื้นที่ ถนนเส้นอยุธยา-บางปะอินสายใน ก็ถูกตัดขาดผู้คนต้องขี่เรือแทนรถบนถนน รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ต้องอาศัยรถทหารเข้าไปช่วยรับ-ส่ง
สำหรับในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา น้ำได้ทะลักเข้าท่วมโรงงานแล้วกว่า 40 โรงงาน หลังจากที่แนวกำแพงกั้นน้ำบางเพลิงแตก ทำให้น้ำไหลพุ่งทะลักเข้าไปท่วมภายในด้านท้ายของนิคมฯ แม้จะมีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่และรถแบ็กโฮเพื่อกั้นน้ำไว้แต่ก็ไม่สามารถกั้นน้ำไว้ได้ เนื่องจากกระแสน้ำไหลแรงมากและไหลเข้าทุกทิศ
มีรายงานข่าวว่า เมื่อช่วงเวลา 00.40 น.ของวันนี้ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจ กว่า 50 นายได้นำเรือท้องแบน 5 ลำเข้าไปลำเลียงประชาชน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพนักงานโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร หมู่ที่ 4 ต.บางพระครู อ.นครหลวง ออกจากห้องพักกว่า 200 คนที่รอคอยความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจนำเรือไปรับออกมาสู่ด้านนอก และบางส่วนยังคงติดอยู่ภายในโรงงาน ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจ ได้ใช้เรือท้องแบน ทยอยเข้าไปรับออกมาเช่นกัน
ทั้งนี้ เนื่องจากระดับน้ำภายในนิคมสหรัตนนครที่ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องจนประชาชนตั้งตัวไม่ทัน พนักงานบางคนไม่สามารถนำรถยนต์ส่วนตัว รถจักรยานยนต์ ออกได้ทัน ส่งผลให้รถจมน้ำได้รับความเสียหายจำนวนหลายสิบคัน คาดว่าความเสียหายจาหน้ำท่วมในครั้งนี้น่าจะมากกว่า แสนล้านบาท
โรงไม้หลัง"วัดไชยฯ"คนงานลอยคอนำไม้ออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระดับใน จ.พระนครศรีอยุธยา ยังคงมีระดับสูงขึ้นและเอ่อล้นเข้าพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะระดับน้ำด้านหลังวัดไชยวัฒนาราม สูงขึ้นจนเข้าท่วมโรงไม้ซุ้มคงศรี หมู่ 13 ต.ปากกราน อ.พระนครศรีอยุธยา ทำให้ไม้แปรรูป และเฟอร์นิเจอร์รวมทั้งบ้านน๊อคดาวน์จำนวนมากลอยน้ำ คนงานจำนวนมากต้องลอยคอเกาะไม้ เพื่อนำไม้ออกจากโรงงาน
นายถนัด อุดตะมะ อายุ 39 ปี เจ้าของโรงไม้ดังกล่าว เปิดเผยว่า โกดังเก็บไม้ของตนได้มีการสร้างคันดินสูงกว่า 1.50 เมตรล้อมรอบเนื้อที่กว่า 2 ไร่ จนกระทั่งระดับน้ำที่เอ่อมาจากทางวัดไชยวัฒนาราม ได้พังแนวป้องกันเมื่อช่วงเช้ามืดวันเดียวกัน ทำให้คนงานที่หลับนอนอยู่ภายในต้องลอยคอออกมาและยังมีไม้จำนวนมากลอยออกมาด้วย ซึ่งจะต้องเก็บไม้เพื่อย้ายไปที่สูงเพื่อไม่ให้ไม้ลอยน้ำไป
ส่วนรอบเกาะเมืองเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ยังคงเร่งถมคันดินป้องกัน โดยว่าที่ ร.ต.สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา ได้ประชุมประชาชนในเขตที่ มรภ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อยืนยันว่าจะพยายามรักษาเกาะเมืองเอาไว้ให้ได้ และไม่เคยพูดว่าอีกกี่ชั่วโมงน้ำจะทะลัก ซึ่งขณะนี้ป้องกันเต็มที่ ยกเว้นบางชุมชนรอบนอกที่น้ำท่วมหนักแล้ว เช่นชุมชนวังแก้ว ต.ท่าวาสุกรี ชาวบ้านได้ตั้งคันดินล้อม แต่น้ำล้นจนเขื่อนพัง ชาวบ้านต้องลอยเรือนำลูกหลานออกจากหมู่บ้าน
