กนอ.คาด น้ำท่วมนิคมฯ “สหรัตนนคร” จำนวน 42 แห่ง เสียหาย 2.5-3.0 หมื่นล้าน โรงงานชิ้นส่วนยานยนต์อ่วม คาด ต้องหยุดยาว 3 เดือน ชี้ ร้ายแรงสุดในรอบ 50 ปี ผวาน้ำก้อนใหญ่ซ้ำอีกระลอก
นายนราพจน์ ทิวถนอม รองผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมในเขตนิคมอุตสาหกรรมใน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ที่ระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตรแล้ว ทำให้โรงงานทั้งหมดภายในนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวต้องปิดทำการไปทั้งหมด โดยส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และคาดว่า จะหยุดนาน 3 เดือน คนงาน 1.6 หมื่นคนลอยเคว้ง
ทั้งนี้ ประเมินความเสียหายเบื้องต้นของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร 42 แห่ง ทั้งตัวโรงงาน เครื่องจักร และวัตถุดิบ อาจสูงถึงประมาณ 25,000-30,000 หมื่นล้านบาท รวมค่าเสียเวลา และค่าเสียโอกาสในข่วง 3 เดือนที่หยุดไปด้วย ขณะที่มีจำนวนคนงานในนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวประมาณ 16,000 หมื่นคน
“น้ำท่วมอย่างนี้คงทำอะไรไม่ได้ คิดว่า คงหยุดยาวประมาณ 3 เดือน ขึ้นอยู่กับว่าน้ำลดได้เร็วแค่ไหน ปีที่แล้วเราก็เจอ เราเอาอยู่ แต่ปีนี้ไม่ไหวจริงๆ น้ำมาทุกทิศทาง เราต้องปิดโรงงานไปก่อน น้ำท่วม 1 เมตรกว่า เครื่องจักรเสียหายมาก”
สำหรับผลกระทบที่อาจมีต่อพื้นที่นอกเขตที่ถูกอุทกภัยนั้น นายนราพจน์ กล่าวว่า เมื่ออุตสาหกรรมส่วนใหญ่ที่ได้รับความเสียหายเป็นกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ที่ผลิตเพื่อป้อนให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในนิคมอุตสาหกรรมอื่นๆ จึงคาดว่าจะมีผลให้สายการผลิตยานยนต์บางส่วนต้องหยุดชะงักไป
ทั้งนี้ นิคมอุตสาหกรรมใน จ.พระนครศรีอยุธยา โรงงานส่วนใหญ่เป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ โดยนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ในพื้นที่ที่น่าเป็นห่วง 3 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร, นิคมอุตสาหกรรมบางหว้า (ไฮเทค) และ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน
ก่อนหน้านี้ จังหวัดได้สั่งการให้โรงงานอุตสาหกรรมทั้งหมดประมาณ 70 แห่ง ปิดทำการชั่วคราว 5 วัน ขณะนี้ได้เร่งสูบน้ำออกและเสริมกำแพงดินเพิ่ม สาเหตุที่นำทะลักเข้ามาปริมาณมาก เพราะประตูน้ำบางโฉมศรี จ.สิงห์บุรี ได้รับความเสียหายหนัก ทำให้มีปริมาณน้ำทะลักเข้าสู่แม่น้ำลพบุรีจำนวนมาก
ส่วนนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และ บ้านหว้า ยังคงรับมือน้ำได้อยู่ โดยมีแนวคันดินป้องกันน้ำท่วม 5 เมตร และได้เสริมให้สูงขึ้นไปอีก 80 เซนติเมตร คาดว่า ยังสามารถรับมือกับปริมาณน้ำได้ ส่วนนิคมอุตาหกรรมในจังหวัดอื่นๆ ยังไม่ได้รับผลกระทบ
นายพากร วังศิราบัตร ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา ขณะนี้ได้ก่อความเสียหายจนต้องปิดโรงงานไปแล้วกว่า 50 แห่ง ในบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงสีข้าวและโรงงานแปรรูปสินค้าเกษตร รวมทั้งทำเรือขนส่งสินค้าตลอดแนวแม่น้ำ ล่าสุด ได้ใช้เงินไปแล้วกว่า 40 ล้านบาท ในการทำแนวป้องกันน้ำท่วม
ตอนนี้ นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ถือว่าอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วง เพราะขณะนี้ได้เร่งเสริมกำแพงดินกั้นน้ำชั้นแรกที่อยู่บนถนนให้สูงขึ้นอีก 1 เมตร แต่ถ้าชั้นแรกกั้นไม่ได้ ก็น่าเป็นห่วง เพราะกำแพงชั้นที่ 2 แม้ว่าจะสูงกว่าชั้นแรก แต่อยู่ระดับต่ำกว่าถนน
ดังนั้น หากชั้นแรกรับไม่อยู่ ชั้นที่ 2 ระดับน้ำจะปริ่มพอดี และหากน้ำยังเพิ่มขึ้นอีก 50 เซนติเมตร จะทำให้นิคมอุตสาหกรมรวมทั้งโรงงานส่วนใหญ่ใน จ.นครพระนครศรีอยุธยา อยู่ในภาวะวิกฤต
“น้ำท่วมครั้งนี้นับได้ว่าร้ายแรงที่สุดในรอบ 50 ปี สถานการณ์ล่าสุดน้ำเหนือยังคงไหลบ่าลงมาเรื่อย ๆ เนื่องจากอยุธยาเป็นจุดรวมของแม่น้ำหลัก 3 สาย ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา ป่าสัก และแม่น้ำลพบุรี รองรับน้ำจากภาคเหนือ”