ประจวบคีรีขันธ์ - ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ยัน เอ็ม 16 ที่ยึดได้จากศพ “ผู้ใหญ่มนัส” หลังถูกตำรวจวิสามัญ เป็นปืนที่ใช้ยิงถล่ม “แป๊ป คั่นกระได” ส่วนผู้บังคับการตำรวจภูธรประจวบฯ นำ ตชด.และภูธรหลายท้องที่เข้าตรวจค้นพื้นที่หาหลักฐานต่อเนื่อง พบเชื้อปะทุไฟฟ้าใช้สำหรับจุดระเบิด ทีเอ็นที จำนวน 250 ดอก หรือระเบิดฝักแคสภาพใหม่เอี่ยมรวมแรงระเบิดทีเอ็นทีขนาด 2.5 ปอนด์ ในพื้นที่ตำบลอ่าวน้อย ส่วน นายประสม ใจใหญ่ อดีตกำนันอ่าวน้อยยันไม่ใช่ของตนเอง
กรณีคนร้ายใช้ปืนเอ็ม 16 และปืนลูกซอง ยิงถล่ม นายเล็ก ชูจิตร อายุ 51 ปี หรือ แป๊ป คั่นกระได เจ้าของคิวรถตู้บารมี กรุ๊ป สายประจวบคีรีขันธ์-กรุงเทพฯ เสียชีวิต พร้อม นายบวร เกตุงาม อายุ 54 ปี คนสนิท เหตุเกิดเมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 4 ตุลาคม 2554 ขณะทั้งสองขับรถกลับบ้านพัก ต่อมาวันที่ 6 ตุลาคม ตำรวจเข้าค้นบ้านพักผู้กว้างขวางใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 3 หลังรวมทั้งบ้านพัก นายประสม ใจใหญ่ หรือ กำนันแป๊ะ อดีตกำนันตำบลอ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ น้องชาย นายวิเศษ ใจใหญ่ อดีต ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ 9 สมัย ที่หมู่ 3 บ้านคั่นกระได ต.อ่าวน้อย โดยยึดอาวุธปืนจากบ้านพักหลังต่างๆ ไปตรวจสอบพร้อมเชิญ นายประสม และ นางรุ่งทิพย์ ใจใหญ่ ภรรยา นายประสม อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อ่าวน้อย ซึ่งเป็นผู้สมัครนายก อบต.อ่าวน้อย หมายเลข 1 ไปสอบปากคำ จากนั้นเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ตำรวจ สภ.เมืองได้วิสามัญฆาตรกรรม นายมนัส รัศมี อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.อ่าวน้อย ที่บริเวณบ้านพักของนายประสม พร้อมยึดอาวุธปืนเอ็ม 16 พร้อมเครื่องกระสุนปืนหลายขนาดจำนวนมากมาตรวจสอบ
ความคืบหน้าวันนี้ (12 ต.ค.) พล.ต.ต.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผู้บังคับการตำรวจภูธร (ผบก.ภ.) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 150 นาย จาก สภ.เมือง สภ.กุยบุรี สภ.อ่าวน้อย สภ.คลองวาฬ สภ.ห้วยยาง และตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่ 146 พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดจาก กก.ตชด 14 ค่ายพระมงกุฎเกล้า เพื่อทำการตรวจค้นค้นเป้าหมายต้องสงสัยที่พัวพันในคดีสังหาร นายเล็ก ชูจิตร ในพื้นที่ตำบลอ่าวน้อย ตามแผนปฏิบัติการกดดันกวาดล้างกลุ่มมือปืนอย่างต่อเนื่อง
พล.ต.ต.วิเชียร ระบุว่า ผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ พบว่า อาวุธปืนเอ็ม 16 ที่ยึดได้จากนายมนัส บิดาของ นายศุภวัฒน์ รัศมี หรือ ผู้ใหญ่สัญ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.อ่าวน้อย และบิดาของนายมนู รัศมี อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) ฝ่ายปกครองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นปืนกระบอกเดียวกันที่ใช้สังหารนายเล็ก และ นายบวร ในวันเกิดเหตุ รวมทั้งเป็นปืนที่ใช้ยิงถล่มบ้านพักของนายเผชิญ เกตุแก้ว เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2554 ในฐานะแกนนำกลุ่มรักษ์บ้านเกิด ต.อ่าวน้อย ที่คัดค้านการก่อสร้างบ่อขยะบ้านหนองไม้แก่น เปิดโปงการบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติบนเขาทุ่งกระต่ายขังกว่า 3,000 ไร่ และคัดค้านการทิ้งขยะของเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ในที่ดินของ นายประสม บริเวณเชิงเขาทุ่งกระต่ายขัง ที่สร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง
อีกทั้งยังมีรายงานว่า สำหรับกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 ที่ยึดได้ภายในรถยนต์ของ นายมนัส พบว่า เป็นกระสุนล็อตเดียวกันที่ใช้ก่อเหตุยิงนายเล็ก แต่ขณะนี้ตำรวจต้องหาอาวุธปืนลูกซองที่ใช้ยิงในที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบปืนลูกซอง 5 นัด และปืนลูกซอง 8 นัดของนายศุภวัฒน์ รวมทั้งการติดตามอาวุธปืน เอ็ม 79 และเครื่องยิงระเบิด อาร์พีจี.ในบ้านพักของผู้กว้างขวางรายหนึ่ง ซึ่งมีรายงานว่ามีอาวุธสงครามร้ายแรงพร้อมเครื่องกระสุนซุกซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ทุกนายได้รับคำสั่งให้สวมเสื้อเกราะกันกระสุนทุกครั้งที่ออกปฏิบัติงาน เนื่องจากมีรายงานจากตำรวจ สภ.อ่าวน้อยว่า กลุ่มผู้มีอิทธิพลได้ประกาศกับชาวบ้านในงานศพนายมนัส ว่า จะล้างแค้นตำรวจ สภ.เมือง ที่ลงมือวิสามัญฆาตกรรม
ขณะเดียวกัน รายงานข่าวแจ้งว่า มีความเคลื่อนไหวจากซุ้มมือปืนในจังหวัดเพชรบุรี เข้ามาในพื้นที่ตำบลอ่าวน้อย ทำให้ตำรวจต้องเพิ่มกำลังในการรักษาความปลอดภัยของผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบต.ทั้ง 2 ราย
ต่อมาเมื่อเวลา 09.30 น.วันเดียวกัน นายประสม ใจใหญ่ (อดีตกำนันอ่าวน้อย) พร้อมผู้ติดตามได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.พฤหัส สังข์ประเสริฐ รองผกก.สส.ที่ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ หลังจากเจ้าหน้าที่เชิญมาให้ปากคำเป็นครั้งที่ 2 หลังจากก่อนหน้านี้ นายประสม ถูกเชิญตัวมาสอบปากคำพร้อมกับนางรุ่งทิพย์ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา หลังจากตำรวจสนธิกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักครั้งแรก ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวนายประสมไปที่บ้านพักบ้านคั่นกระไดพร้อมหมายค้น ซึ่งเป็นการเข้าตรวจค้นครั้งที่ 2
พล.ต.ต.วิเชียร กล่าวว่า ในการสนธิกำลังได้สั่งการให้ตำรวจทุกนายประเมินสถานการณ์เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย หลังจากคนร้ายนายมนัส ได้ยิงต่อสู้และถูกวิสามัญส่วนตำรวจได้รับบาดเจ็บ หากการใช้กำลังครั้งนี้ไม่เพียงพอในการปราบผู้มีอิทธิพลที่พัวพันกับเครือข่ายยาเสพติด ก็จะประสานขอกำลังตำรวจจากพื้นที่อื่นๆ มาเพิ่ม และขณะนี้การออกปฏิบัติหน้าที่ขอให้นำอาวุธปืนใช้เต็มอัตรา เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธสงครามร้ายแรง และพร้อมที่จะต่อสู้
อย่างไรก็ตาม หากการใช้กำลังครั้งนี้ไม่พอจะต้องขอให้ตำรวจพลร่มเข้ามาเสริม โดยประกาศให้รู้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้มาตรการตาต่อตาฟันต่อฟัน แรงมาก็แรงไป จะต้องถอนรากถอนโคนกลุ่มผู้มีอิทธิพลให้หมดไปจากจังหวัดประจวบฯ สิ่งไหนไม่ถูกต้องก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายอิทธิพล จะอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้ เพราะฉะนั้นหากมคนร้ายหรือกลุ่มอิทธิพลขัดขวางตำรวจก็สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่
ต่อมา พล.ต.ต.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ชูนาค ผกก.สภ.เมือง พ.ต.ท.พฤหัส สังข์ประเสริฐ รองผกก.สส.ที่ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เดินทางมาที่ห้องทำงานตำรวจสืบสวน สภ.เมือง เพื่อร่วมกันตรวจสอบเชื้อปะทุไฟฟ้าใช้สำหรับจุดระเบิด ทีเอ็นที จำนวน 250 ดอก หรือระเบิดฝักแคสภาพใหม่เอี่ยม รวมแรงระเบิด ทีเอ็นที ขนาด 2.5 ปอนด์ ซึ่งชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดของ ตชด.146 ได้ตรวจพบในการสนธิกำลังระดมตรวจค้นบ้านเป้าหมายและอาณาบริเวณที่คาดว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียิงนายเล็ก โดยใช้หมายค้นของศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พบของกลางบรรจุอยู่ในถุงปุ๋ยซุกซ่อนใต้โคนต้นไม้ที่บริเวณบ่อบำบัดขยะขององค์กรปกครองท้องถิ่น (อปท.) หลายแห่ง บนเขาทุ่งกระต่ายขัง หมู่ 3 บ้านคั่นกระได ต.อ่าวน้อย ห่างจากบ้านพักของ นายประสม ใจใหญ่ ประมาณ 200 เมตร
โดยระหว่างการตรวจพิสูจน์ของกลาง พล.ต.ต.วิเชียร ได้เชิญ นายประสม มาสอบถามที่มาของเชื้อปะทุดังกล่าว แต่ นายประสม ปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ทราบว่าเป็นของบุคคลใด และต่อมา พล.ต.ต.วิเชียร ได้เชิญนายประสม มาสอบปากคำด้วยตนเองอีกครั้ง
พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า เชื้อปะทุดังกล่าวเป็นตัวจุดระเบิดสำหรับใช้ในโรงโม่หิน หรือบ่อลูกรัง ซึ่งพบว่าในบริเวณที่พบของกลางไม่มีสัมปทานในการระเบิดหิน หรือบ่อลูกรัง และไม่มีหน่วยงานราชการอนุญาตให้ใช้วัตถุระเบิดดังกล่าว
