xs
xsm
sm
md
lg

“เจ๊หมวย” ยันไม่มีเอี่ยวสังหาร “แป๊ป คั่นกระได”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประจวบคีรีขันธ์ - อดีตนายก อบต.อ่าวน้อย “เจ๊หมวย” ยืนยันครอบครัวตนเองไม่มีส่วนรู้เห็นในการสังหาร “เล็ก ชูจิตร หรือ แป๊ป คั่นกระได” เจ้าของคิวรถตู้บารมี กรุ๊ป สายประจวบคีรีขันธ์-กรุงเทพฯ และ “บวร เกตุงาม” ส่วนตำรวจประจวบฯ ระบุว่า “มนัส” ที่ถูกวิสามัญเกี่ยวข้องกับการสังหาร “เล็ก” และ “บวร” ล่าสุดตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อออกหมายจับในเร็ววันนี้ 

กรณีคนร้ายใช้ปืนเอ็ม 16 และปืนลูกซองยิงถล่ม นายเล็ก ชูจิตร อายุ 51 ปี หรือ “แป๊ป คั่นกระได” เจ้าของคิวรถตู้บารมี กรุ๊ป สายประจวบคีรีขันธ์-กรุงเทพฯ เสียชีวิตพร้อม นายบวร เกตุงาม อายุ 54 ปี คนสนิท เหตุเกิดเมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 4 ตุลาคม ขณะทั้งสองขับรถกลับบ้านพัก ต่อมาวันที่ 6 ตุลาคม ตำรวจเข้าค้นบ้านพักผู้กว้างขวางใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 3 หลังรวมทั้งบ้านพัก นายประสม ใจใหญ่ หรือ กำนันแป๊ะ อดีตกำนันตำบลอ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ น้องชาย นายวิเศษ ใจใหญ่ อดีต ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ 9 สมัย ที่หมู่ 3 บ้านคั่นกระได ต.อ่าวน้อย โดยยึดอาวุธปืนจากบ้านพักหลังต่างๆ ไปตรวจสอบ พร้อมเชิญ นายประสม และนางรุ่งทิพย์ ใจใหญ่ ภรรยานายประสม อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อ่าวน้อย ซึ่งเป็นผู้สมัครนายก อบต.อ่าวน้อย หมายเลข 1 ไปสอบปากคำด้วยนั้น
 
วันนี้ (9 ต.ค.) พล.ต.ต.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผู้บังคับการตำรวจภูธร (ผบก.ภ.) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.สมชาย รักเสนาะ พร้อมด้วย พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ชูนาค ผกก.สภ.เมือง แถลงข่าวกับสื่อมวลชนภายหลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองวิสามัญฆาตกรรม นายมนัส รัศมี หรือ เสือเกษม อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.อ่าวน้อย บิดา นายศุภวัฒน์ รัศมี หรือ ผู้ใหญ่สัญ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.อ่าวน้อย โดยนำอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก กระสุนเอ็ม 16 จำนวน 140 นัด ซองบรรจุกระสุน จำนวน 5 ซอง อาวุธปืน 9 มม.จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 4 นัด ลูกกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 38 นัด ลูกระเบิด ขว้างเอ็ม 26 จำนวน 2 ลูกที่ยึดได้ในรถปิคอัพยี่ห้อโตโยต้า ไฮลักซ์ ตอนเดียว สีน้ำเงินไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน

พร้อมยืนยันว่า นายมนัส มีส่วนร่วมกับคดีสังหารนายเล็ก โดยนำอาวุธปืนเอ็ม 16 พร้อมปลอกกระสุนที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุยิงนายเล็ก และที่บ้านพักนายเผชิญ เกตุแก้ว แกนนำนักอนุรักษ์อ่าวน้อย ที่คัดค้านบ่อขยะอ่าวน้อย เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2554 รวมทั้งกระสุนปืนลูกซองที่พบในรถนายมนัส และปลอกกระสุนปืน เอ็ม 16 ที่ตรวจพบบริเวณบ่อขยะบนเขาทุ่งกระต่ายขังในบริเวณบ้านพักนายประสม ไปตรวจสอบที่กองพิสูจน์หลักฐาน
 
พล.ต.ต.วิเชียร กล่าวอีกว่า นายมนัส มีหมายจับของศาลฎีกาข้อหาฆ่าผู้อื่น ศาลมีคำพิพากษาจำคุก 33 ปี แต่นายมนัส หลบไม่ไปฟังคำพิพากษา และมีหมายจับของ สภ.อ่าวน้อยข้อหาพยายามฆ่า และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ในคดียิงถล่มบ้านพักนายเผชิญ เกตุแก้ว ส่วนความคืบหน้าคดีสังหารนายเล็ก จะมีการขยายผลไปถึงกลุ่มผู้เกี่ยวข้องอีกจำนวนหลายราย รวมทั้งจะต้องเชิญนายประสม ใจใหญ่ ซึ่งขับรถยนต์ออกจากบ้านพักภายหลังตำรวจวิสามัญนายมนัส มาสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนการออกหมายจับผู้ต้องหาต้องรอการตรวจหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์คาดว่าพนักงานสอบสวนน่าจะดำเนินการได้ภายใน 1-2 วันนี้
 
ต่อมา พล.ต.ต.วิเชียร ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเยี่ยมอาการบาดเจ็บของดาบตำรวจ ธรรมรัตน์ เพชรบาง ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมือง ที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณขาขวาและถูกยิงที่บริเวณเอวด้านขวาแต่กระสุนปืนพลาดเป้าโดนโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในซองคาดเอว หลังจากยิงปะทะกับนายมนัส โดย พล.ต.ต.วิเชียร ได้มอบเงินช่วยเหลือ 20,000 บาท จากนั้นได้มอบเงินช่วยเหลือ พ.ต.ท.ประกิต ต้นไม้ทอง สว.ป.สภ.เมือง ที่ถูกกระสุนปืนยิงถากบริเวณหน้าท้อง เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ
 
ผู้สื่อข่าวรายงานจากการตรวจสอบกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 ที่ตรวจยึดได้ในรถยนต์ของนายมนัสเป็นลูกกระสุนใหม่รุ่นเดียวกันกับปลอกกระสุนที่พบในจุดเกิดเหตุในการสังหารนายเล็ก ส่วนลูกกระสุนปืนเอ็ม 16 สภาพใหม่เอี่ยมพบรหัสข้างกล่อง BALL M193 LOT 3 SME 1-08 บรรจุในกล่องสีขาวกล่องละ 20 นัด จำนวน 3 กล่อง ซึ่งตำรวจจะส่งนำไปตรวจพิสูจน์ว่าเป็นลูกปืนที่นำมาจากค่ายทหารแห่งใด และเชื่อมโยงกับคดีปืนเอ็ม 16 และกระสุนปืนที่หายจากศูนย์การทหารราบค่ายธนะรัชต์ที่ อ.ปราณบุรี เมื่อหลายเดือนก่อน สำหรับหลักฐานปลอกกระสุนทั้งหมดที่พบในที่เกิดเหตุและที่ตำรวจยึดได้จากนายมนัส ก่อนที่จะส่งไปให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ชูนาค ผกก.สภ.เมือง จะทำรหัสไว้ที่ปลอกกระสุนทุกชิ้นเพื่อป้องกันไม่ให้มีการสับเปลี่ยนหลักฐานเพื่อเบี่ยงเบนคดี
 
สำหรับการสอบปากคำเพิ่มเติมพนักงานสอบสวนได้เชิญ นายมนู รัศมี อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) ประจำฝ่ายปกครองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บุตรชายนายมนัสมาสอบเพิ่ม ทั้งนี้นายมนู ไม่ติดในการเสียชีวิตของบิดาหลังถูกตำรวจยิงเสียชีวิต เนื่องจากที่ผ่านมาได้โทรศัพท์แจ้งเตือนบิดาให้หลบหนีออกจากพื้นที่แต่บิดายืนยันว่า จะไม่หลบหนีคดีตามหมายจับซึ่งมีอายุความ 20 ปี

ต่อมา นายสฤษดิ์ ใจใหญ่ หรือ กำนันโดม กำนันตำบลอ่าวน้อย บุตรชายนายวิเศษ ใจใหญ่ ได้ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนโดยพนักงานสอบสวน สอบถามที่มาในการดำรงตำแหน่งกำนันของน้องชาย คือ นายพันธุ์ศักดิ์ ใจใหญ่ หรือ กำนันดั้ม ผู้สมัครนายก อบต.อ่าวน้อย หมายเลข 2 โดย นายสฤษดิ์ ระบุว่า ที่ผ่านมา นายศุภวัฒน์ รัศมี ได้เสนอชื่อนายพันธุ์ศักดิ์เป็นกำนัน แต่หลังจากนายพันธุ์ศักดิ์ลาออกตนได้เสนอตัวเป็นกำนันแต่นายประสมได้เสนอชื่อนายศุภวัฒน์เป็นคู่แข่ง เมื่อมีการโหวตเสียงปรากฎว่าผู้ใหญ่บ้านทั้ง 16 หมู่บ้านลงคะแนน 8 เสียงเท่ากัน ทำให้ต้องจับสลากและตนได้เป็นกำนันคนใหม่
 
นางรุ่งทิพย์ ใจใหญ่ หรือ เจ๊หมวย อดีตนายก อบต.อ่าวน้อย 3 สมัย ผู้สมัครนายก อบต.อ่าวน้อย หมายเลข 1 ภรรยานายประสม เปิดเผยว่า ขณะนี้ออกหาเสียงตามปกติไม่ได้หวั่นวิตกปัญหาความไม่ปลอดภัย และยืนยันว่า ไม่ส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนายเล็ก เนื่องจากผู้ตายอยู่นอกพื้นที่ตำบลอ่าวน้อยโดยไปทำธุรกิจรถตู้โดยสาร และในอดีตนายเล็กเคยเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่มีความสนิทสนมกันดี ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแข่งขันในการเลือกตั้งนายก อบต.ขอเรียนว่าส่วนตัวครอบครัวตนไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนายเล็ก และตนไม่ทราบว่านายเล้ก ขัดแย้งกับบุคคคลใดทำให้มีการสังหารในช่วงหาเสียงเลือกตั้งเพื่อโยงให้เป็นเรื่องการเมืองและกระทบกับฐานเสียงของตนโดยตรง

ส่วนพื้นที่ที่ นายมนัส ถูกตำรวจยิงเสียชีวิตเป็นบ้านพักคนงานซึ่งเป็นพื้นที่ครอบครองของนายประสาน ใจใหญ่ หรือ ส.อบจ.เดียร์ น้องชายของสามีซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว พื้นที่ดังกล่าวห่างจากบ้านพักของตนประมาณ 200 เมตร
  
“ยืนยันว่า นายมนัส ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสามีและบุคคลใดจะเข้าออกในพื้นที่ดังกล่าวก็เป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล สามีไม่ได้ให้ที่พักพิงกับผู้ตาย และไม่มีส่วนรู้เห็นกับการหลบหนีคดี และหลังเกิดเหตุสามียังอาศัยอยู่ในบ้านพักตามปกติ ไม่ได้หลบหนีออกนอกพื้นที่ และยังไม่มีการพูดคุยกับนายวิเศษ ใจใหญ่ ส่วนกรณีที่พนักงานสอบสวนเชิญบุตรชาย ไปสอบปากคำก็เป็นเรื่องปกติหลังเกิดเหตุมีการยิงนายมนัส ซึ่งบ้านพักลูกชายอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ สำหรับการเสียงเลือกตั้งก็จะทำตามกติกา เป็นเรื่องของชาวบ้านที่จะตัดสินใจ เพราะการทำงานที่ผ่านมา 3 สมัยก็มีผลงานชัดเจน” นางรุ่งทิพย์ กล่าว
 
นายพันธุ์ศักดิ์ ใจใหญ่ กล่าวว่า ขณะนี้ยังพักอยู่ต่างจังหวัดกับมารดา ส่วนบิดาอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คาดว่า หลังจากฌาปนกิจศพนายเล็ก แล้วภายใน 7 วัน ตนจะกลับไปหาเสียงตามปกติและส่วนตัวยอมรับว่าเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ซึ่งได้ขอให้นายสฤษดิ์ ประสานไปยังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฯ เพื่อขอตำรวจดูแลความปลอดภัยในการหาเสียง หลังเกิดเหตุไม่ปกติ ถ้าตนบอกว่าไม่กลัวก็คงจะเป็นเรื่องประหลาด และคงไม่ไปหาเสียงในช่วงกลางคืน
 
กำลังโหลดความคิดเห็น