บุรีรัมย์ - รองผู้ว่าฯ บุรีรัมย์สั่งอำเภอชายแดน คุมเข้มป้องกันการลักลอบขนย้ายข้าวเปลือกคุณภาพต่ำจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาปลอมปนสวมสิทธิ์ในโครงการรับจำนำ พร้อมกำชับเพิ่มมาตรการดูแลคุมเข้มการทุจริตในทุกรูปแบบ ล่าสุดมีโรงสีสมัครเข้าร่วมโครงการเพิ่มเป็น 23 แห่ง
วันนี้ (6 ต.ค.) นายอภิชาติ งามกมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เรียกประชุมคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำข้าวระดับจังหวัด ผู้แทนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ผู้แทนสมาคมชาวนาไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมพร้อมดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 ที่จะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ (7 ต.ค.)
นายอภิชาติ งามกมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ล่าสุดได้มีผู้ประกอบการแจ้งความจำนงเข้าร่วมโครงการแล้ว 23 แห่ง แยกเป็นโรงสี 20 แห่ง โกดังกลาง 2 แห่ง ตลาดกลางข้าวและพืชไร่อีก 1 แห่ง ซึ่งตั้งกระจายอยู่ในพื้นที่ 10 อำเภอ เพื่ออำนวยความสะดวกลดค่าใช้จ่ายให้แก่เกษตรกรในการขนย้ายข้าวมาเข้าร่วมโครงการรับจำนำทั้ง 23 อำเภอ
พร้อมกันนี้ยังได้กำชับให้อำเภอที่อยู่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เช่น อ.โนนดินแดง, ละหานทราย และ อ.บ้านกรวด ได้คุมเข้มป้องกันการลักลอบขนย้ายข้าวเปลือกคุณภาพต่ำจากประเทศเพื่อนบ้าน หรือจากต่างจังหวัด เข้ามาปลอมปน และสวมสิทธิ์ในโครงการรับจำนำ ทั้งยังจะมีการตั้งชุดเฉพาะกิจเข้าไปตรวจสอบขั้นตอนการรับจำนำ การตรวจวัดคุณภาพข้าว หักสิ่งเจือปน และอื่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบการเอารัดเอาเปรียบเกษตรกร หรือทุจริตในโครงการฯ ซึ่งจะสร้างความเสียหายแก่งบประมาณของรัฐอย่างเข้มงวดด้วย
“จากการสำรวจในปีนี้มีเกษตรกรชาวบุรีรัมย์เพาะปลูกข้าวทั้งจังหวัด 3.2 ล้านไร่ ซึ่งคาดว่าจะมีผลผลิตข้าวไม่น้อยกว่า 1.3 ล้านตัน และจะมีเกษตรกรนำข้าวมาเข้าร่วมโครงการฯ ไม่น้อยกว่าการเปิดรับจำนำข้าวทุกครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากปีนี้มีราคารับจำนำสูงถึงตันละ 20,000 บาท ตามเปอร์เซ็นต์ต้นข้าวที่ 42 กรัม ซึ่งเป็นราคาที่จูงใจแก่เกษตรกรที่จะนำข้าวมาเข้าร่วมโครงการฯ” นายอภิชาติกล่าว