ยะลา - ข่าวเทศบาลนครยะลา ร่วมกับภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ รพ.ศูนย์ยะลา จัดงาน “มหกรรมดวงตาสดใสเทิดไท้องค์ราชันย์” เพื่อคัดกรองประชาชนที่มีปัญหาได้สายตาเข้ารับบริการทางการแพทย์ที่คลินิคตา รพ.สงขลานครินทร์
วันนี้ (26 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่หอประชุมอาคารศรีนิบง ภายในศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา เขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการมหกรรมดวงตาสดใสเทิดไท้องค์ราชันย์ สำหรับโครงการดังกล่าวทางสำนักการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครยะลา ได้ร่วมกับภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (วิทยาเขตหาดใหญ่) และโรงพยาบาลศูนย์ยะลา จัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคไม่ติดต่อแก่ประชาชนในเขตเทศบาลนครยะลา โดยเฉพาะบริการทางการแพทย์เฉพาะทางด้านจักษุวิทยา
เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเจริญพระชนมายุครบ 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 นี้ ซึ่งภายสในงานมีการอบรมให้ความรู้ พร้อมแจกคู่มือการดูแลสุขภาพตาแก่ผู้ที่มีปัญหาทางด้านสายตา โดยจักษุแพทย์ โรงพยาบาลศูนย์ยะลา และจะนำผู้มีปัญหาทางสายตาไปรับการตรวจรักษาที่คลินิกตา โรงพยาบาลสงขลา นครินทร์ โดยมีประชาชนจำนวน 850 คน เข้ารับการตรวจคัดกรอง ทั้งนี้ คณะผู้จัดงานเตรียมจัดหาแว่นตาพร้อมเลนส์ ตามผลการคัดกรองของจักษุแพทย์ให้ ในวันที่ 8 ต.ค. ที่จะถึงนี้ด้วย
นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา เปิดเผยว่า จากการเปลี่ยนแปลงสภาวะแวดล้อมของโลก และจากพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่ถูกต้องของประชาชน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างยิ่ง โดยส่วนใหญ่เกิดปัญหาในกลุ่มโรคไม่ติดต่อ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคอ้วน และ อุบัติเหตุ เป็นต้น ซึ่งการเกิดโรคเหล่านี้ มีผลทำให้เกิดปัญหาความผิดปกติของสายตาและการมองเห็นด้วย
และจากการจัดทำกิจกรรมค้นหาปัญหาในชุมชนและเทศบาลสัญจรในชุมชน พบว่าปัญหาเรื่องสายตาที่จัดเข้าอยู่ในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งในเขตเทศบาลนครยะลา ยังมีประชาชนในพื้นที่ที่มีปัญหาสุขภาพดวงตา ซึ่งต้องรอเข้ารับบริการรักษาด้านจักษุตามระบบจำนวนหนึ่ง
ทางเทศบาลนครยะลา ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และโรงพยาบาลศูนย์ยะลา เล็งเห็นถึงความสำคัญของสุขภาพดวงตา และคุณภาพชีวิตของประชาชน จึงจัดโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ด้วย
วันนี้ (26 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่หอประชุมอาคารศรีนิบง ภายในศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา เขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการมหกรรมดวงตาสดใสเทิดไท้องค์ราชันย์ สำหรับโครงการดังกล่าวทางสำนักการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครยะลา ได้ร่วมกับภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (วิทยาเขตหาดใหญ่) และโรงพยาบาลศูนย์ยะลา จัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคไม่ติดต่อแก่ประชาชนในเขตเทศบาลนครยะลา โดยเฉพาะบริการทางการแพทย์เฉพาะทางด้านจักษุวิทยา
เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเจริญพระชนมายุครบ 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 นี้ ซึ่งภายสในงานมีการอบรมให้ความรู้ พร้อมแจกคู่มือการดูแลสุขภาพตาแก่ผู้ที่มีปัญหาทางด้านสายตา โดยจักษุแพทย์ โรงพยาบาลศูนย์ยะลา และจะนำผู้มีปัญหาทางสายตาไปรับการตรวจรักษาที่คลินิกตา โรงพยาบาลสงขลา นครินทร์ โดยมีประชาชนจำนวน 850 คน เข้ารับการตรวจคัดกรอง ทั้งนี้ คณะผู้จัดงานเตรียมจัดหาแว่นตาพร้อมเลนส์ ตามผลการคัดกรองของจักษุแพทย์ให้ ในวันที่ 8 ต.ค. ที่จะถึงนี้ด้วย
นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา เปิดเผยว่า จากการเปลี่ยนแปลงสภาวะแวดล้อมของโลก และจากพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่ถูกต้องของประชาชน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างยิ่ง โดยส่วนใหญ่เกิดปัญหาในกลุ่มโรคไม่ติดต่อ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคอ้วน และ อุบัติเหตุ เป็นต้น ซึ่งการเกิดโรคเหล่านี้ มีผลทำให้เกิดปัญหาความผิดปกติของสายตาและการมองเห็นด้วย
และจากการจัดทำกิจกรรมค้นหาปัญหาในชุมชนและเทศบาลสัญจรในชุมชน พบว่าปัญหาเรื่องสายตาที่จัดเข้าอยู่ในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งในเขตเทศบาลนครยะลา ยังมีประชาชนในพื้นที่ที่มีปัญหาสุขภาพดวงตา ซึ่งต้องรอเข้ารับบริการรักษาด้านจักษุตามระบบจำนวนหนึ่ง
ทางเทศบาลนครยะลา ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และโรงพยาบาลศูนย์ยะลา เล็งเห็นถึงความสำคัญของสุขภาพดวงตา และคุณภาพชีวิตของประชาชน จึงจัดโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ด้วย