xs
xsm
sm
md
lg

สธ.เดินหน้าโครงการลดเบาหวาน-ความดันถวายในหลวง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สธ.ติวเข้มสาธารณสุขอำเภอทั่วประเทศ เดินหน้าโครงการ ลดโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวง

วันนี้ (19 พ.ค.) ที่ จ.นครนายก นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดประชุม“พัฒนาศักยภาพเครือข่ายผู้บริหารสุขภาพระดับอำเภอ” ชี้แจงการดำเนินงานโครงการสนองน้ำพระราชหฤทัยในหลวง ทรงห่วงใยสุขภาพประชาชน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 84 พรรษาในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 ให้เป็นแนวทางปฏิบัติเดียวกันทั่วประเทศ โดยมีสาธารณสุขอำเภอทั่วประเทศเข้าร่วมกว่า 800 คน ซึ่งสาธารณสุขอำเภอเป็นบุคลากรที่สำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข นำไปสู่การปฏิบัติที่บูรณาการและเป็นรูปธรรมในระดับอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน/ชุมชน
ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดทำโครงการสนองน้ำพระราชหฤทัยในหลวงฯ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เป็นโครงการต่อเนื่อง 3 ปี ระหว่าง พ.ศ. 2552-2554 โดยหยิบยกโรคที่เป็นปัญหาสำคัญ ได้แก่ โรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นโรคสำคัญที่คนไทย เสี่ยงป่วยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และเป็นสาเหตุเกิดโรคอื่นตามมา เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตวาย และตาบอด เป็นต้น จึงมีมาตรการดูแลกลุ่มประชาชนที่อายุ 35 ปีขึ้นไปทุกคน ให้ได้รับการตรวจสุขภาพและคัดกรองโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง โดยจัดรถตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ออกให้บริการ รวมทั้งยกระดับการบริการให้มีคุณภาพมาตรฐาน ด้วยวิธีที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย

นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้สามารถคัดกรองโรคเบาหวานได้ 20,985,133 คน พบผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ร้อยละ15 หรือ 3.1 ล้านคน โดยแยกเป็นกลุ่มเสี่ยงป่วย 1,710,521 คน เป็นเบาหวานรายใหม่ 353,189 คน และรายเก่า 1,070,737 คน ในจำนวนนี้มีโรคแทรกซ้อน ร้อยละ 10 มากที่สุดคือตาต้อกระจก รองลงมาคือแผลที่เท้าและไตวาย ส่วนโรคความดันโลหิตสูง คัดกรอง 21,168,414 คน ตรวจพบผู้มีความดันโลหิตสูงกว่าปกติร้อยละ 22 หรือ 4.5 ล้านคน โดยแยกเป็นกลุ่มเสี่ยงป่วย 2,405,741 คน ผู้ป่วยรายใหม่ 651,867 คน และรายเก่า 1,509,551คน ในจำนวนนี้มีโรคแทรกซ้อน ร้อยละ6 อันดับ 1คือโรคหัวใจ รองลงมาคือเส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกและไตวาย นอกจากนี้ยังพบผู้ที่ป่วยทั้งโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง 635,850 คน มีภาวะแทรกซ้อนร้อยละ 10

โดยกระทรวงสาธารณสุขจะมีมาตรการดูแลประชาชนที่คัดกรองและขึ้นทะเบียนแล้ว ดังนี้ 1.กลุ่มปกติ จะรณรงค์ส่งเสริมพฤติกรรม 3 อ. 2 ส. คือ ออกกำลังกาย อาหาร อารมณ์ การไม่ดื่มสุรา และสูบบุหรี่ 2.กลุ่มเสี่ยงป่วย ได้รับการดูแล 2 ลักษณะ คือรายบุคคล จะให้คำปรึกษาปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ส่วนกลุ่มบุคคล จะทำให้เกิดองค์กรชุมชนไร้พุง โดยใช้เครื่องมือแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ 3.กลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน จะได้รับการดูแลปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ และการให้บริการรักษาพยาบาลเป็นอย่างดีจากโรงพยาบาลใกล้บ้าน และค้นหาโรคแทรกซ้อน ส่วนกลุ่มผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อน จะได้การดูแลจากโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป
กำลังโหลดความคิดเห็น