xs
xsm
sm
md
lg

ปศุสัตว์ประจวบฯ ส่งมอบแปลงหญ้ากว่า 200 ไร่ พืชอาหารช้างป่าให้ อช.กุยบุรี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ประจวบคีรีขันธ์ - สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ส่งมอบแปลงหญ้ากว่า 200 ไร่ สำหรับเป็นพืชอาหารช้างให้สัตว์ป่า ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ตามพระราชเสาวนีย์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีความห่วงใยต่อปัญหาคนกับช้างและเพื่อไม่ให้ช้างป่าออกมารบกวนกัดกินพืชไร่ของชาวบ้าน อีกทั้งในปัจจุบันมีประชากรช้างป่าเพิ่มขึ้นมามากกว่า 200 ตัว และกระทิงกว่า 100 ตัว

วันนี้ (21 ก.ย.) ที่จุดตรวจอุทยานแห่งชาติกุยบุรีที่ 1 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายอภินันท์ จันทรังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานในพิธีรับมอบแปลงหญ้าอาหารสัตว์สำหรับช้างและสัตว์ป่า จากนายจีระ สรนุวัตร ผู้เชี่ยวชาญด้านมาตรฐานกรมปศุสัตว์ระหว่างประเทศและนายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ ปศุสัตว์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ ฝ่ายปกครองอำเภอกุยบุรี ตำรวจตระเวนชายแดน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ (อช.) กุยบุรี ชาวบ้าน กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และเด็กนักเรียนในพื้นที่เข้าร่วมพิธี

นายจีระ สรนุวัตร ผู้เชี่ยวชาญด้านมาตรฐานกรมปศุสัตว์ระหว่างประเทศ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 79 พรรษา ซึ่งพระองค์ทรงห่วงใยในปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างคนกับช้างและผืนป่าในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี อีกทั้งยังมีพระราชปณิธานแน่วแน่ที่จะอนุรักษ์ช้างป่า ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากในปัจจุบัน

นอกจากนั้นยังมีความสำคัญกับระบบนิเวศของป่าในเขตร้อนช่วยในการกระจายพันธุ์ไม้และสร้างแหล่งอาหารให้แก่สัตว์ป่าอื่นๆ จึงมีพระราชเสาวนีย์ให้หน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินการ เช่นเดียวกับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการปลูกพืชที่เป็นอาหารช้างป่าในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ที่มีช้างหลายแห่งทั่วประเทศ

นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ ปศุสัตว์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ทางสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้จัดทำโครงการปลูกพืชอาหารสัตว์สำหรับช้างและสัตว์ป่า ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ตั้งแต่ปี 2553 รวมแล้ว 230 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นหญ้าพันธุ์รูซี่ และถั่วพันธุ์ฮามาต้า ซึ่งเป็นพืชบำรุงดินและเพิ่มโปรตีนให้กับสัตว์ป่าอีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มปริมาณอาหารให้กับช้างและสัตว์ป่า ซึ่งในปัจจุบันมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการสนองพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รวมทั้งเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาช้างป่าที่เข้ามากัดกินพืชไร่ของเกษตรกรบริเวณรอยต่อระหว่างพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี และพื้นที่ชาวบ้าน ตลอดจนเป็นการป้องกันไมให้ช้างป่าถูกทำร้ายจนเสียชีวิต

ด้าน นายอภินันท์ จันทรังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ด้วยพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ทรงพลิกฟิ้นผืนป่ากุยบุรี ตลอด 12 ปีที่ผ่านมาจากกรณีที่ถูกบุกรุกจากนายทุนเข้ามาแผ้วถางปลูกสับปะรด หลังจากเกิดปัญหาการกระทบกระทั่งระหว่างช้างกับคน จนทำให้ช้างถูกฆ่าตายมาแล้วหลายตัวในอดีต จนมีการเวนคืนที่ดินและมีพระราชดำริของพระองค์ท่านออกมาในการพลิกคืนผืนป่าจากไร่สับปะรดจนกลายมาเป็นป่าที่เขียวอุดมสมบูรณ์ในปัจจุบัน มีสัตว์ป่าอย่างช้างป่าที่กลับเข้ามาอาศัยกว่า 200 ตัว กระทิงอีกกว่า 150 ตัว วัวแดง เสือโคร่ง และสัตว์ป่าอีกนานาชนิดๆ ทำให้วันนี้ผืนป่ากุยบุรีกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่มีนักท่องเที่ยวจากชาวไทย ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวชมสัตว์ป่า จนได้รับการขนานนามว่า “ซาฟารีเมืองไทย”

เมื่อมีปริมาณสัตว์ป่ามากขึ้นทำให้หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชนต่างให้ความสำคัญเข้ามาสร้างโป่งเทียม ปลูกหญ้า ตามพื้นที่ต่างๆ ในอุยานฯ กุยบุรี ในขณะเดียวกัน ทางหน่วยงานภาครัฐ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เองก็เข้ามาดำดำเนินโครงการปลูกพืชหรือหญ้าให้อาหารช้าง และสัตว์ป่าอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งที่สนองแนวพระราชดำริในพระพบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการที่จะให้ทั้งช้างและคนอยู่ร่วมกัน ซึ่งการปลูกพืชอาหารให้สัตว์ป่ายังเป็นการลดปัญหาไม่ให้ช้างป่าออกไปกัดกินพืชไร่ของชาวบ้านอีกด้วย




กำลังโหลดความคิดเห็น