ศูนย์ข่าวศรีราชา - จังหวัดจันทบุรีเรียกหน่วยงานเกี่ยวข้องประชุมรับสถานการณ์พายุลูกใหม่ที่จะเข้าพื้นที่ตั้งแต่วันนี้จนถึงสัปดาห์หน้า พร้อมสั่งหน่วยงานเกี่ยวข้อง เร่งขุดลอกคลองที่ตื้นเขินและแม่น้ำสายหลัก เพื่อพร่องน้ำให้ไหลลงสู่ทะเลให้มากที่สุดป้อง กันการเกิดอุทกภัยระลอกที่ 2
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ขณะนี้ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่หลังจากที่อุตุนิยมวิทยาจันทบุรีได้ออกมาประกาศเตือนว่าตั้งแต่วันนี้ (21 ก.ย.) ไปจนถึงสัปดาห์หน้าจังหวัดจันทบุรีจะได้รับผลกระทบจากมรสุมลูกใหม่ที่พัดผ่านเข้ามาในพื้นที่ซึ่งจะมีความรุนแรงกว่าลูกก่อนและอาจทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ของจังหวัดจันทบุรี
โดยในช่วงบ่ายวันนี้ (21 ก.ย.) นายเกรียงเดช เข็มทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้เรียกหน่วยงานประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรี ชลประทานจังหวัด เจ้าท่า หัวหน้าโครงการเขื่อนและอ่างเก็บกักน้ำต่างๆในจังหวัดจันทบุรี รวมถึงเทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อวางแผนรับมือกับพายุลูกใหม่
และยังสั่งการให้หน่วยงานท้องถิ่นไม่ว่าจะเป็นเทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล เร่งส่งเจ้าหน้าที่ออกขุดลอก คูคลองที่ตื้นเขินเพื่อเปิดทางน้ำให้น้ำไหลได้สะดวก และให้เจ้าท่าดำเนินการดูดทรายที่ตื้นเขินบริเวณแม่น้ำสายหลักต่างๆ เช่น ปากแม่น้ำจันทบุรี แม่น้ำเวฬุ หลังพบว่ามีทรายเข้ามาปิดทางน้ำ
รวมทั้งให้ชลประทาน หัวหน้าโครงการเขื่อนและอ่างเก็บกักน้ำต่างๆ เร่งพร่องน้ำออกให้มากที่สุดเพื่อรองรับกับปริมาณฝนที่จะตกลงมาในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้าโดยให้คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตอนล่างทั้งจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราดเป็นหลัก เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดอุทกภัยระรอกที่ 2
นอกจากนั้น จังหวัดจันทบุรียังมีความเป็นห่วงประชาชนที่อาศัยอยู่ตามพื้นที่ลาดเชิงเขา ทางน้ำไหล โดยสั่งการให้ทางท้องถิ่นเข้าไปดูแลหากสถานการณ์และหากเห็นว่า ไม่ปลอดภัยก็ขอให้มีการอพยพประชาชนออกมาอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยเป็นการด่วน รวมทั้งให้มีการประสานงานกับทางจังหวัด เพื่อจัดชุดเคลื่อนที่เร็วออกไปให้การช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที
ขณะที่ระดับน้ำทั้ง 4 จุดหลักของจังหวัดจันทบุรีในเช้าวันนี้ แม่น้ำจันทบุรีวัดได้ 2.09 เมตร จุดวิกฤตอยู่ที่ 3.45 เมตร ฝายท่าระม้า อำเภอมะขามวัดได้ 6.45 เมตร จุดวิกฤตอยู่ที่ 8 เมตร ฝายยาง อำเภอเมือง วัดได้ 4.08 เมตร จุดวิกฤตอยู่ที่ 5.50 เมตร สะพานกระทิง อำเภอเขาคิชฌกูฏ วัดได้ 4.80 เมตร จุดวิกฤตอยู่ที่ 7 เมตร ส่วนเขื่อนคีรีธารความจุอยู่ที่ 76 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีน้ำเกินความจุอยู่ที่ 76.668 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 100.87 เปอร์เซ็นต์ หรือปริมาณน้ำล้นสปริงเวย์ประมาณ 10 เซนติเมตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ขณะนี้ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่หลังจากที่อุตุนิยมวิทยาจันทบุรีได้ออกมาประกาศเตือนว่าตั้งแต่วันนี้ (21 ก.ย.) ไปจนถึงสัปดาห์หน้าจังหวัดจันทบุรีจะได้รับผลกระทบจากมรสุมลูกใหม่ที่พัดผ่านเข้ามาในพื้นที่ซึ่งจะมีความรุนแรงกว่าลูกก่อนและอาจทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ของจังหวัดจันทบุรี
โดยในช่วงบ่ายวันนี้ (21 ก.ย.) นายเกรียงเดช เข็มทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้เรียกหน่วยงานประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรี ชลประทานจังหวัด เจ้าท่า หัวหน้าโครงการเขื่อนและอ่างเก็บกักน้ำต่างๆในจังหวัดจันทบุรี รวมถึงเทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อวางแผนรับมือกับพายุลูกใหม่
และยังสั่งการให้หน่วยงานท้องถิ่นไม่ว่าจะเป็นเทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล เร่งส่งเจ้าหน้าที่ออกขุดลอก คูคลองที่ตื้นเขินเพื่อเปิดทางน้ำให้น้ำไหลได้สะดวก และให้เจ้าท่าดำเนินการดูดทรายที่ตื้นเขินบริเวณแม่น้ำสายหลักต่างๆ เช่น ปากแม่น้ำจันทบุรี แม่น้ำเวฬุ หลังพบว่ามีทรายเข้ามาปิดทางน้ำ
รวมทั้งให้ชลประทาน หัวหน้าโครงการเขื่อนและอ่างเก็บกักน้ำต่างๆ เร่งพร่องน้ำออกให้มากที่สุดเพื่อรองรับกับปริมาณฝนที่จะตกลงมาในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้าโดยให้คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตอนล่างทั้งจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราดเป็นหลัก เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดอุทกภัยระรอกที่ 2
นอกจากนั้น จังหวัดจันทบุรียังมีความเป็นห่วงประชาชนที่อาศัยอยู่ตามพื้นที่ลาดเชิงเขา ทางน้ำไหล โดยสั่งการให้ทางท้องถิ่นเข้าไปดูแลหากสถานการณ์และหากเห็นว่า ไม่ปลอดภัยก็ขอให้มีการอพยพประชาชนออกมาอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยเป็นการด่วน รวมทั้งให้มีการประสานงานกับทางจังหวัด เพื่อจัดชุดเคลื่อนที่เร็วออกไปให้การช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที
ขณะที่ระดับน้ำทั้ง 4 จุดหลักของจังหวัดจันทบุรีในเช้าวันนี้ แม่น้ำจันทบุรีวัดได้ 2.09 เมตร จุดวิกฤตอยู่ที่ 3.45 เมตร ฝายท่าระม้า อำเภอมะขามวัดได้ 6.45 เมตร จุดวิกฤตอยู่ที่ 8 เมตร ฝายยาง อำเภอเมือง วัดได้ 4.08 เมตร จุดวิกฤตอยู่ที่ 5.50 เมตร สะพานกระทิง อำเภอเขาคิชฌกูฏ วัดได้ 4.80 เมตร จุดวิกฤตอยู่ที่ 7 เมตร ส่วนเขื่อนคีรีธารความจุอยู่ที่ 76 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีน้ำเกินความจุอยู่ที่ 76.668 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 100.87 เปอร์เซ็นต์ หรือปริมาณน้ำล้นสปริงเวย์ประมาณ 10 เซนติเมตร
