จันทบุรี - จันทบุรีประกาศให้ 8 อำเภอ จาก 10 อำเภอ ในพื้นที่เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินอุทกภัยแล้ว ขณะที่จังหวัดได้เตือนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำจันทบุรีเตรียมขนย้ายสิ่งของไว้ในที่สูงและเตรียมย้ายออกนอกพื้นที่เสี่ยง หลังทางเจ้าหน้าที่ได้มีการนำธงสีแดงติดเตือนบนสะพานแล้ว
จากสถานการณ์ฝนที่ตกหนักตลอดทั้งวันตั้งแต่เมื่อคืนและเช้าวันนี้ (11 ก.ย.) รวมทั้งมีน้ำป่าไหลหลากเข้ามาสมทบทำให้พื้นที่จังหวัดจันทบุรีเกิดน้ำท่วมหนัก ส่งผลให้ 8 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ขลุง เขาคิชฌกูฏ ท่าใหม่ สอยดาว แก่งหางแมว มะขาม และนายายอาม ได้เกิดน้ำท่วมอย่างหนัก ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งพื้นที่การเกษตร สวน ไร่ นา ถูกน้ำท่วมกว่าหลายพันไร่
ล่าสุด เช้าวันนี้ (11 ก.ย.) นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ประกาศให้ 8 อำเภอนี้ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินอุทกภัยแล้ว นอกจากนี้ระดับน้ำใน 4 จุดหลักที่เป็นจุดวัดน้ำของจังหวัดจันทบุรี ได้เริ่มเข้าสู่วิกฤต โดยเฉพาะแม่น้ำจันทบุรี ในเช้าวันนี้วัดได้ 3.32 เมตร จุดวิกฤตอยู่ที่ 3.45 เมตร ฝายยางวัดได้ 4.70 เมตร จุดวิกฤตอยู่ที่ 5.50 เมตร ฝายท่าระม้า อำเภอมะขาม วัดได้ 6.20 เมตร จุดวิกฤตอยู่ที่ 8 เมตร และสะพานกระทิงวัดได้ 3.50 เมตร จุดวิกฤตอยู่ที่ 7 เมตร
ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรีต้องมีการนำธงสีแดงมาติดบนสะพานแทนธงสีเหลืองแล้ว และได้ประกาศเตือนให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำจันทบุรีทั้ง 2 ฝั่งได้มีการขนย้ายสิ่งของไว้ในที่สูงได้แล้ว รวมทั้งบ้านของชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ต่ำให้มีการอพยพออกมาในพื้นที่ที่ปลอดภัยก่อน
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมใน 4 หมู่บ้านกลางเมืองจันทบุรี ที่มีชาวบ้านเดือดร้อนแล้วกว่า 200 หลังคาเรือน ในขณะนี้ทางป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรี เทศบาลตำบล องค์การบริหารส่วนตำบล อปพร. ทหาร และเจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรี ได้มีการนำเรือท้องแบน และรถบรรทุกของชาวบ้านและของทหารได้เข้าไปช่วยเหลือในการอพยพชาวบ้านออกมาจากพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมแล้ว โดยได้ให้มาอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยแล้ว ส่วนสถานการณ์น้ำยังคงไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้านใน 4 หมู่บ้าน กลางเมืองจันทบุรีอย่างต่อเนื่อง
โดยทางทหารต้องรีบเร่งอพยพชาวบ้านออกมา ส่วนอำเภออื่นทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาล และผู้นำท้องถิ่นกำลังช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนด้วยเช่นกัน และคาดว่าในวันนี้ฝนยังไม่หยุดตกก็จะทำให้สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดจันทบุรีวิกฤตและขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้นต่อไปอีกด้วย
จากสถานการณ์ฝนที่ตกหนักตลอดทั้งวันตั้งแต่เมื่อคืนและเช้าวันนี้ (11 ก.ย.) รวมทั้งมีน้ำป่าไหลหลากเข้ามาสมทบทำให้พื้นที่จังหวัดจันทบุรีเกิดน้ำท่วมหนัก ส่งผลให้ 8 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ขลุง เขาคิชฌกูฏ ท่าใหม่ สอยดาว แก่งหางแมว มะขาม และนายายอาม ได้เกิดน้ำท่วมอย่างหนัก ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งพื้นที่การเกษตร สวน ไร่ นา ถูกน้ำท่วมกว่าหลายพันไร่
ล่าสุด เช้าวันนี้ (11 ก.ย.) นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ประกาศให้ 8 อำเภอนี้ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินอุทกภัยแล้ว นอกจากนี้ระดับน้ำใน 4 จุดหลักที่เป็นจุดวัดน้ำของจังหวัดจันทบุรี ได้เริ่มเข้าสู่วิกฤต โดยเฉพาะแม่น้ำจันทบุรี ในเช้าวันนี้วัดได้ 3.32 เมตร จุดวิกฤตอยู่ที่ 3.45 เมตร ฝายยางวัดได้ 4.70 เมตร จุดวิกฤตอยู่ที่ 5.50 เมตร ฝายท่าระม้า อำเภอมะขาม วัดได้ 6.20 เมตร จุดวิกฤตอยู่ที่ 8 เมตร และสะพานกระทิงวัดได้ 3.50 เมตร จุดวิกฤตอยู่ที่ 7 เมตร
ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรีต้องมีการนำธงสีแดงมาติดบนสะพานแทนธงสีเหลืองแล้ว และได้ประกาศเตือนให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำจันทบุรีทั้ง 2 ฝั่งได้มีการขนย้ายสิ่งของไว้ในที่สูงได้แล้ว รวมทั้งบ้านของชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ต่ำให้มีการอพยพออกมาในพื้นที่ที่ปลอดภัยก่อน
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมใน 4 หมู่บ้านกลางเมืองจันทบุรี ที่มีชาวบ้านเดือดร้อนแล้วกว่า 200 หลังคาเรือน ในขณะนี้ทางป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรี เทศบาลตำบล องค์การบริหารส่วนตำบล อปพร. ทหาร และเจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรี ได้มีการนำเรือท้องแบน และรถบรรทุกของชาวบ้านและของทหารได้เข้าไปช่วยเหลือในการอพยพชาวบ้านออกมาจากพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมแล้ว โดยได้ให้มาอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยแล้ว ส่วนสถานการณ์น้ำยังคงไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้านใน 4 หมู่บ้าน กลางเมืองจันทบุรีอย่างต่อเนื่อง
โดยทางทหารต้องรีบเร่งอพยพชาวบ้านออกมา ส่วนอำเภออื่นทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาล และผู้นำท้องถิ่นกำลังช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนด้วยเช่นกัน และคาดว่าในวันนี้ฝนยังไม่หยุดตกก็จะทำให้สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดจันทบุรีวิกฤตและขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้นต่อไปอีกด้วย