ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผู้ว่าฯ โคราชเผยออกหมายเรียกเจ้าของรีสอร์ตรุกป่าสงวนฯวังน้ำเขียว มารับทราบข้อกล่าวหาอีก 10 ราย รวม 12 แห่ง 16 ก.ย.นี้ จากทั้งหมด 22 แห่ง ส่วน 4 แห่ง ที่เหลือยังมีปัญหาพื้นที่คาบเกี่ยว ระบุเจ้าของรีสอร์ตถูกเชือดล็อตแรก 6 รายให้การปฏิเสธ เอกสารชี้แจ้งล้วนเป็น “ภ.บ.ท.5” เตรียมเรียกสอบท้องถิ่นที่ออกเอกสาร ก่อนสรุปสำนวนคดีสั่งฟ้องส่งอัยการ เผยยังไม่ได้รับเรื่องป่าไม้เสนอขออนุมัติใช้ ม.25 สั่งรื้อถอนรีสอร์ต 22 แห่ง หากยื่นมาขอปรึกษาอัยการก่อน
วันนี้ (14 ก.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น.ที่ห้องประชุมกองอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีบ้านพักรีสอร์ต 22 แห่งบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาภูหลวง บริเวณเขาแผงม้า อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวนตำรวจและฝ่ายปกครอง ทั้ง 16 คน อีกครั้ง เพื่อติดตามความคืบหน้า การสอบสวนดำเนินคดีกับกลุ่มผู้บุกรุกป่า ก่อนเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีกล่าว เปิดเผยว่า หลังจากพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกเจ้าของบ้านพักรีสอร์ตจำนวน 6 แห่ง จากทั้งหมด 22 แห่ง ที่ทราบชื่อผู้กระทำผิดและมีหลักฐานชัดเจนว่าบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เข้ารับทราบข้อกล่าวหาไปชุดแรกแล้วนั้น ล่าสุด ผู้ประกอบการทั้ง 6 ราย ได้มาพบพนักงานสอนสวนพร้อมนำหลักฐานเข้ามาชี้แจง โดยทั้ง 6 ราย ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่า ไม่ได้บุกรุกป่าแต่ซื้อที่ดินต่อมาจากชาวบ้านที่อยู่เดิม หลักฐานที่นำมาแสดงเป็นเพียงเอกสารใบเสียภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บ.ท.5) จากนี้ไปพนักงานสอบสวนจะทำการสอบสวนที่มาของ ภ.บ.ท.5 และจะเรียกเจ้าหน้าที่รัฐองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ออก ภ.บ.ท.5 มาสอบปากคำด้วย
ส่วนกรณีรีสอร์ตและบ้านพักอีก 4 แห่ง ที่มีปัญหาพื้นที่คาบเกี่ยวกันระหว่าง 3 หน่วยงานรัฐ ทั้งป่าสงวนแห่งชาติ, อุทยานแห่งชาติ และ พื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ประกอบด้วย 1.รีสอร์ตภูธาราฟ้า บ้านทรัพย์ทวีคูณ ม.22 ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว 2.รีสอร์ต บุหงาส่าหรี บ้านเขาแผงม้า ม.4 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว 3.ตึกสีขาวคู่ บ้านคลองทุเรียน ม.6 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว และ 4.บ้านพักสี่เหลี่ยมมีกังหัน บ้านคลองทุเรียน ม.6 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนซึ่งได้แจ้งให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 ส่วน คือ ทางป่าไม้, ส.ป.ก.และ อุทยานฯ มาชี้แจง จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือชี้แจงจากทั้ง 3 หน่วยงาน
นายระพี กล่าวต่อว่า ในส่วนบ้านพักรีสอร์ตที่เหลืออีก 12 แห่งนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานและแจ้งข้อกล่าวหาไปทั้งหมดแล้ว โดยมีผู้ต้องหารวม 10 ราย เนื่องจากการสอบสวนของพนักงานสอบสวน พบว่า มีที่ดิน 4 แปลง ในจำนวน 12 แห่ง ที่มีชื่อเป็นเจ้าของคนเดียว และมีผู้ประกอบการอีกรายหนึ่งยื่นฟ้องศาลปกครองจังหวัดนครราชสีมาแสดงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของที่ดินเพิ่มอีก พนักงานสอบสวนจึงแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มกับบุคคลดังกล่าว ฉะนั้นจึงรวมมีผู้ต้องหาทั้งหมด 10 รายดังที่กล่าวข้างต้น
“ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกผู้ประกอบการทั้ง 10 ราย ให้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 16 ก.ย.นี้ ที่ สภ.วังน้ำเขียว และจะได้สอบปากคำเพิ่มเติม และจะเรียกเจ้าพนักงานป่าไม้ที่เป็นหน่วยงานแจ้งความร้อนทุกข์เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็นด้วย ก่อนสรุปสำนวนคดีสั่งฟ้องส่งอัยการต่อไป” นายระพี กล่าว
นายระพี กล่าวอีกว่า การทำงานของพนักงานสอบสวนพยายามเร่งรัดคดีดังกล่าว อย่างเต็มที่ แต่ต้องทำอย่างรอบคอบและรัดกุมมากที่สุด คณะทำงานร่วมกันสอบสวนในระยะเวลาแค่ 5 สัปดาห์สามารถหาตัวผู้กระทำผิดได้ครบทั้ง 22 ราย ถือว่าคดีเดินหน้าไปมาก และเป็นที่น่าพอใจ หากทางป่าไม้จะขอรายชื่อเจ้าของรีสอร์ตบ้านพักทั้งหมดเพื่อไปดำเนินการฟ้องแพ่ง ทางพนักงานสอบสวนก็ยินดีจะมอบให้ เนื่องจากไม่ใช่ข้อมูลลับแต่อย่างใดสามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ แต่หากจะขอสำนวนการสอบสวนต้องขอเวลาในการพิจารณาก่อน
อย่างไรก็ตาม คดีบุกรุกป่า อ.วังน้ำเขียว นี้ หากสอบสวน สาวไปถึงใคร ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการระดับใด นักการเมืองท้องถิ่น หรือระดับชาติ ก็จะต้องเรียกมาสอบสวนทั้งหมด เพราะพนักงานสอบสวนทำงานกันตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรซ่อนเร้นทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน
สำหรับกรณีที่ทางสำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) จะทำหนังสือขออนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อติดป้ายประกาศสั่งให้รื้อถอนบ้านพักรีสอร์ตบุกรุกป่าทั้ง 22 แห่ง ภายใน 45 วัน ตามอำนาจมาตรา 25 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2504 นั้น นายระพี กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นหนังสือดังกล่าว แต่การจะลงนามอะไรต้องขอหารืออัยการจังหวัดก่อน ว่า อำนาจผู้ว่าฯ มีมากน้อยอย่างไร หรือจำเป็นต้องลงนามหรือไม่อย่างไร ฉะนั้น ขอให้ได้รับหนังสือจากทางป่าไม้มาก่อนจึงจะให้คำตอบได้
