นครพนม - “กร” อดีต รมว.คลัง รองนายกฯเงา เตือนพรรคเพื่อไทย อย่าผิดสัญญานโยบายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท และเงินเดือนขั้นต่ำ ป.ตรี 1.5 หมื่น ตามที่หาเสียงไว้ ส่วนกรณีโยกย้ายข้าราชการ เชื่อ อธิบายเหตุผลไม่ได้ และพร้อมจะสนับสนุนให้มีการฟ้องร้องเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม
วันนี้ (9 ก.ย.) นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองนายกฯเงาของพรรคประชาธิปัตย์ แกนนำฝ่ายค้าน เปิดเผยในระหว่างเดินทางมาเยี่ยมการทำงานของเจ้าหน้าที่ด่านกักกันสุนัขที่ จ.นครพนม ว่า ในเรื่องนโยบายการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย นั้น ตนเชื่อว่า เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประชาชนเลือกเข้ามาบริหารงาน
ดังนั้น พรรคเพื่อไทยต้องเดินหน้าทำให้สำเร็จ ไม่ให้ประชาชนรู้สึกว่าถูกหลอก แต่ขณะนี้กลับเห็นว่ามีสัญญาณไม่ดี เนื่องจาก ทางรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ออกมาพูดว่า ไม่เคยบอกว่า จะเป็นค่าแรงขั้นต่ำตามกฎหมาย 300 บาท เป็นประเด็นที่คิดกันไปเอง ซึ่งมันไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ตนเชื่อว่า ประชาชนทั้งประเทศเข้าใจตรงกันว่า ความหมายของค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท คือ ค่าแรงขั้นต่ำตามกฎหมายของทุกคน ทุกจังหวัด ทั่วประเทศ ต้องได้ 300 บาท ไม่ใช่ของคนบางกลุ่ม ซึ่งเรื่องการปรับค่าแรงขั้นต่ำถือเป็นเรื่องดี เพราะที่ผ่านมาค่าแรงขั้นต่ำของประชาชนต่ำเกินไปอยู่แล้ว ทางพรรคประชาธิปัตย์ก็เคยชูนโยบายนี้ แต่อาจไม่หวือหวาเท่าพรรคเพื่อไทย
อย่างไรก็ตาม เมื่อรับปากแล้วต้องทำ ส่วนผลกระทบต้องดูคู่ไปด้วย ไม่ใช่เมื่อปรับค่าแรงแล้วกระทบต่อผู้ประกอบการ เพิ่มผลผลิตต้นทุน ส่งผลต่อการเลิกจ้างตามมา จะเป็นผลตรงข้าม แทนที่จะได้ค่าแรงเพิ่มกลับตกงาน ส่วนกรณีการเพิ่มเงินเดือนข้าราชการะดับ ป.ตรี นั้น ก็ไม่ใช่เป็นการเพิ่มเงินเดือน แต่เป็นการจ่ายเงินรายได้เพิ่ม ซึ่งแตกต่างกัน ข้าราชการทุกคนเข้าใจดี
ตัวอย่างเช่น การคำนวณเรื่องเงินบำนาญจะคิดจากฐานเงินเดือน แต่เมื่อเงินเดือนไม่เพิ่ม บำนาญก็ไม่เพิ่ม นอกจากนี้ ต้องมีคำตอบให้ลูกจ้างทั่วไป ที่ จบ ป.ตรี ที่เงินเดือนยังไม่ถึง 15,000 บาทด้วย จะดำเนินการอย่างไร ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์ ก็พร้อมที่จะให้โอกาสรัฐบาลทำงาน ซึ่งมีการตั้งทีมงานตรวจสอบ ในลักษณะรัฐมนตรีเงา ตรวจสอบการทำงานรัฐบาลทุกเรื่อง ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด
นายกรณ์ ยังกล่าวอีกว่า อีกเรื่องสำคัญ คือ การโยกย้ายข้าราชการในมุมมองของตนถือว่า เป็นวัฎจักร แต่ต้องให้ความเป็นธรรมต่อข้าราชการด้วย และต้องอธิบายถึงเหตุผลให้กับเจ้าตัว และประชาชนได้ เช่นเรื่องการปราบปรามบ่อนการพนัน นั้น อ้างเป็นเหตุการณ์โยกย้าย ผบ.ตร. เป็นจุดเริ่มต้น แต่ไปกระทบถึง การย้าย นายถวิล เปลี่ยนสี เลขาธิการ สมช.เรื่องนี้ต้องอธิบายให้ได้ ซึ่งตนมองแล้วทางรัฐบาลอธิบายไม่ได้
เรื่องนี้หากเป็นการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม ตนในฐานะรองนายกฯเงา พร้อมจะสนับสนุนในการฟ้องร้อง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ต่อประเด็นคำถามที่ว่ากรณีที่เกิดขึ้น คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รู้เห็นกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ตนไม่เคยพูด แต่ก็ได้ยินข่าวหนาหูมาตลอด และไม่ขอกล่าวหาเพราะถือว่าไม่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
สิ่งสำคัญต้องรอพิสูจน์ว่า เมื่อเปลี่ยน ผบ.ตร.แล้ว บ่อนพนันจะหมดไปหรือไม่ ถ้าไม่หมดจะมีการปรับ ผบ.ตร.อีกหรือไม่ จะเป็นการวัดความบริสุทธิ์ใจของรัฐบาล ซึ่งฝ่ายค้านและประชาชนต้องคอยจับตาดูต่อไป