ศูนย์ข่าวขอนแก่น - เสวนาวิชาการครบรอบ 43 ปี ธปท.อีสาน “AEC กับอนาคตอีสาน” ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ห่วงเกิดภาคอุตสาหกรรมขาดแคลนแรงงานไร้ฝีมือไทย แนะอาศัยเครื่องจักรเทคโนโลยีทดแทน ทั้งเร่งพัฒนาแรงงานฝีมือของไทยรับการแข่งขัน ส่วนอุตสาหกรรมที่ยังต้องพึ่งพาแรงงานจำนวนมาก ใช้โอกาส AEC ย้ายฐานผลิตไปประเทศกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนามแทน พร้อมวางกรอบพัฒนาตลาดเงินและตลาดทุนรองรับ
เมื่อเร็วๆ นี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท.สภอ.) จัดสัมมนาวิชาการประจำปี 2554 ในโอกาสครบรอบ 43 ปีแห่งการก่อตั้งธปท.สภอ. มีดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้แสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินภายใต้บทบาทของภูมิภาคเอเชียที่มีความท้าทายมากขึ้น” มีผู้บริหารสถาบันการเงินของรัฐ ธนาคารพาณิชย์ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือรับฟังจำนวนมาก ณ ห้องออคิดบอลรูม โรงแรมพูลแมนขอนแก่น
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC จะเกิดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2558 เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของเศรษฐกิจไทยในทุกด้าน ทั้งการค้า การบริการ การเคลื่อนย้ายการลงทุน รวมถึงด้านแรงงานและเงินทุน โดยเฉพาะกรณีเรื่องแรงงาน ผู้ประกอบการไทยกำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงานไร้ฝีมือ สังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมชราภาพ
ปัญหาดังกล่าวทำให้อุตสาหกรรมที่เน้นใช้แรงงานไทย สูญเสียความสามารถการแข่งขัน จำเป็นต้องอาศัยเครื่องจักรและเทคโนโลยีมาทดแทนแรงงานที่ขาดแคลน ซึ่งอุตสาหกรรมที่ยังต้องพึ่งพาแรงงาน อาจต้องย้ายฐานผลิตไปยังประเทศกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม หรือ CLMV ที่มีแรงงานจำนวนมากและค่าแรงต่ำกว่า ใช้โอกาสจากการเปิดเสรีด้านการลงทุนและสิทธิพิเศษภาษีภายใต้กรอบ AEC
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือภายใต้ AEC จะส่งผลให้เกิดการแข่งขันในตลาดแรงงานฝีมือในอนาคต บุคลากรในวิชาชีพต่างๆ ของไทย จำเป็นต้องเร่งพัฒนาทักษะรับมือการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านภาษา ที่บุคลากรไทยยังเสียเปรียบคู่แข่งในอาเซียน
ทั้งนี้ การเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน CLMV นักลงทุนไทยต้องได้รับการสนับสนุนด้านบริการทางการเงิน ซึ่งการเปิดเสรี AEC จะเปิดโอกาสให้ธนาคารพาณิชย์ของไทย สามารถเข้าไปเปิดสาขาในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสนับสนุนทุนไทยได้
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวถึงแนวทางเปิดเสรีตลาดเงินและตลาดทุน ว่า ด้านที่หนึ่งการเปิดเสรีตลาดทุน ได้มีการเชื่อมโยงตลาดทุนในอาเซียนเป็นแพล็ทฟอร์มเดียวกัน นักลงทุนสามารถเข้ามาระดมทุนในตลาดทุนของอาเซียนได้สะดวก รวดเร็ว ทั้งมีการพัฒนา ASEAN Product ให้มีความลึกและหลากหลายขึ้น เช่น จัดทำ ASEAN Asset class เป็นที่รู้จักของนักลงทุนทั่วโลก ทำให้ต้นทุนการระดมทุนใตลาดอาเซียนจะลดลง P/E จะสูงขึ้น มาร์เก็ตแค็ปใหญ่ขึ้น
ด้านที่สอง การเปิดเสรีบริการทางการเงิน กลุ่มอาเซียนใช้หลักเปิดเสรีแบบ ASEAN-X ตามความพร้อมและให้สอดคล้องกับแผนของแต่ละประเทศ เช่น แผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะ 2 (2010-2014) ของไทย โดยขณะนี้ ธปท.ได้ร่วมมือกับธนาคารกลางอื่นๆในอาเซียนหลายด้าน เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูล การกำกับดูแลสถาบันการเงินข้ามชาติ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดเสรีระยะต่อไป
และด้านสุดท้าย เปิดเสรียิ่งขึ้นของเงินทุน จะเป็นไปตามความพร้อมของแต่ละประเทศเช่นกัน โดยไทยอยู่ระหว่างการจัดทำแผนแม่บทเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศเพื่อเสริมสร้างให้เงินทุนเคลื่อนย้ายมีความสมดุลมากขึ้น เน้นผ่อนคลายการออกไปลงทุนในต่างประทเศของนักลงทุนไทย
