ตามรอย “เต่ากระ” สัตว์ทะเลหายากวางไข่บนเกาะทะลุ บางสะพานน้อย

ประจวบคีรีขันธ์ - เจ้าของรีสอร์ต บ้านมะพร้าว-เกาะทะลุ นำคณะรองผู้ว่าฯประจวบฯ จนท.ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลางชุมพร ประมงประจวบฯ กลุ่มอาสาสมัครอนุรักษ์สัตว์น้ำบ้านหนองเสม็ด พร้อมสื่อสำรวจพื้นที่จุดเต่ากระ สัตว์ทะเลใกล้สูญพันธุ์โผล่ขึ้นมาวางไข่เกือบ 1,000 ฟอง บนชายหาดเกาะทะลุ อ.บางสะพานน้อย ในพื้นที่โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ล่าสุดลูกเต่ากระบางส่วนฟักออกจากไข่มาแล้วอยู่ระหว่างการอนุบาล เพื่อปล่อยคืนสู่ธรรมชาติต่อไปภายหลังลูกเต่าแข็งแรง

เป็นเรื่องที่ฮือฮาไม่น้อยเมื่อ “เต่ากระ” สัตว์ใกล้สูญพันธุ์โผล่ขึ้นมาวางไข่บนชายหาดพื้นที่โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ชายหาดเกาะทะลุ บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ กว่า 700 ฟอง หลังจากปีที่แล้วขึ้นมาวางไข่เหมือนกัน

ล่าสุด ฟักออกมาเป็นตัวอยู่ในบ่ออนุบาลกว่า 50 ตัว ทำให้ทั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่ประมง และชาวประมงพื้นบ้านหนองเสม็ด สื่อมวลชนลงพื้นที่สำรวจและกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า พื้นที่ชายทะเลจุดนี้มีความสมดุลของธรรมชาติ และอีกไม่นาน ทุกคนคงจะได้เห็นลูกเต่ากระ ส่วนที่เหลือกำลังจะฟักออกมาเป็นตัวในอีกรุ่น จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่า เต่ากระที่ใกล้สูญพันธุ์ได้มีโอกาสขยายพันธุ์ ทำให้มีพ่อแม่พันธุ์เพิ่มมากขึ้น

วันนี้ (6 ก.ย.) นายอภินันท์ จันทรังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมนายลิขิต บุญสิทธิ์ หัวหน้าฝ่ายบริหารจัดการทรัพยากรประมง สำนักงานประมงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายอติชาต ประสิทธิ์ เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลางจังหวัดชุมพร นายปรีดา เจริญพักตร์ ผู้บริหารบ้านมะพร้าวเกาะทะลุ รีสอร์ท อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่ประมงอำเภอบางสะพานน้อย

ตลอดจนกลุ่มอาสาสมัครอนุรักษ์สัตว์น้ำบ้านหนองเสม็ด พร้อมสื่อมวลชนเดินทางไปยังเกาะทะลุ หลังจากได้รับแจ้งจากทางรีสอร์ต ว่า พบมีเต่ากระ สัตว์ทะเลหายากใกล้สูญพันธุ์ขึ้นมาวางไข่บนแนวชายหาด เกาะทะลุ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี อีกทั้งบริเวณดังกล่าวยังอยู่ในเขตพื้นที่โครงการจัดการทรัพยากรประมงโดยชุมชน อ่าวบางสะพาน ที่ชาวประมงร่วมกันอนุรักษ์มากว่า 10 ปี

ทันที่ที่คณะเดินทางไปถึง นายปรีดา เจริญพักตร์ ผู้บริหารบ้านมะพร้าว-เกาะทะลุ, นายสมพร วงค์ภักดี พนักงานของรีสอร์ต บ้านมะพร้าวเกาะทะลุ ได้พาคณะไปดูจุดที่สร้างโรงเรือนอนุบาลลูกเต่ากระ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 12 บ่อ โดยกล่าวว่า ในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน-กันยายน มักเป็นช่วงที่จะมีเต่ากระขึ้นมาวางไข่มีเวนแนวชายหาดแห่งนี้

โดยเฉพาะในช่วงคืนวันพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งทางพนักงานของรีสอร์ทฯจึงออกเดินตรวจตราบริเวณแนวชายหาดเกาะทะลุ ไปทางด้านท้ายของเกาะทะลุ พบเห็นเต่ากระขนาดใหญ่คลานขึ้นมาจากท้องทะเล และเริ่มขุดหลุมวางไข่อยู่นานเกือบ 2 ชั่วโมงเต็ม

หลังจากนั้น จึงกลบหลุมและคลานลงสู่ทะเล ทางเราประสานไปยัง พลเรือตรี วินัย กล่อมอินทร์ ผู้บัญชาการหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของเต่าทะเล ตลอดจนหน่วยงานเกี่ยวข้อง ซึ่งให้ข้อมูลว่าสามารถเคลื่อนย้ายไข่เต่ามาฝังบนหาดทรายได้ แต่ต้องถูกต้องและถูกวิธี เพื่อเป็นการดูแลไข่เต่าป้องกันสัตว์ที่จะมารบกวน และการขุดคุ้ยสร้างความเสียหายจนไข่เต่าไม่มีโอกาสฟักเป็นตัว ตลอดจนป้องกันชาวประมงจากพื้นที่อื่นๆที่จะมาลักลอบขุดไข่เต่าไปขายอีกด้วย ดังนั้น ทางรีสอร์ตจึงมีการเคลื่อนย้ายไข่มาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย จนบางส่วนมีการฟักออกมาแล้ว

นายปรีดา กล่าวอีกว่า เต่ากระที่ขึ้นมาวางไข่บนชายหาดเกาะทะลุ อ.บางสะพานน้อย รวมทั้งสิ้น 7 รัง ปริมาณไข่เต่าทั้งหมดคาดว่าประมาณไม่ต่ำกว่า 700 ฟอง ซึ่งล่าสุดทางรีสอร์ท ได้นำไข่เต่าทั้งหมดมาอยู่ในชายหาดบริเวณที่ปลอดภัย ทั้งหมดแล้วและมีการเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด มีการสร้างโรงเรือน

โดยเฉพาะไข่เต่าชุดแรกได้ฟักออกมาเป็นตัวอยู่ในบ่ออนุบาลกว่า 50 ตัว มีอายุประมาณ 15 วันแล้ว โดยมีพลเรือตรี วินัย กล่อมอินทร์ ผู้บัญชาการหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ ที่ได้เข้ามาช่วยเหลือฝึกสอนในทุกขั้นตอนของการดูแลไข่เต่า จนกระทั่งฟักตัวและเติบโต การสร้างความเข้าใจ

หากย้อนหลังไปเมื่อ 20-30 ปีที่ผ่านมาบริเวณทะเลแถบนี้อาจเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยขึ้นวางไข่ของเต่ากระ แต่ภายหลังมีการทำประมงพาณิชย์หนักขึ้นมีการรบกวนเต่าจึงหายไป จนกระทั่งเกิดโครงการจัดการทรัพยากรประมงโดยชุมชนอ่าวบางสะพาน-อ่าวบางสะพานน้อย ของสนง.ประมงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขึ้นมาประมาณ 12 ปี มีการให้ความรู้ความเข้าใจกับชาวประมงพื้นบ้าน และชาวประมงพาณิชย์ สอนให้รู้จักทำการประมงแบบอนุรักษ์มากขึ้น จนทำให้ทุกวันนี้ทะเลอ่าวไทยไทยในพื้นที่โครงการแถบนี้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

เต่ากระ จึงกลับขึ้นมาวางไข่ อย่างไรก็ตาม ตนเองให้ความสำคัญกับคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ประมง และทางกองทัพเรือ ซึ่งมีความชำนาญหลังอนุบาลตามระยะเวลาที่เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำแล้ว ก็จะทำการปล่อยลูกเต่ากระคืนสู่ธรรมชาติต่อไป “ผมยอมรับว่าอัตรารอดของลูกเต่ากระ ถึงแม้มีไม่มากแต่ก็รู้สึกภูมิใจเพราะอย่างน้อยที่สุดแล้วในอนาคต ก็มีเต่ากระซึ่งกลายเป็นพ่อพันธ์แม่พันธุ์เพิ่มมากยิ่งขึ้นในท้องทะเลอ่าวไทย”

ขณะเดียวกันนายอติชาต ประสิทธิ์ เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จ.ชุมพร ได้ให้คำแนะนำกับทางรีสอร์ทฯในขั้นตอนการดูแลลูกเต่ากระ ทั้งการเปลี่ยนน้ำทุกวัน การให้อาหารในช่วงที่ลูกเต่าเจริญเติบโต และกล่าวด้วยว่าดูจากสภาพลูกเต่ากระ ในขณะนี้เห็นว่ายังแข็งแรงดี แต่ในระยะต่อไปจะต้อง แบ่งลูกเต่าออกไปอยู่ในบ่ออื่นๆๆ เนื่องจากเมื่อมีการเจริญเติบโตก็จะมีความหนาแน่และจะทำให้ลูกเต่ากระ เกิดการกัดกันเอง ซึ่งจะไม่เป็นผลดี

ทั้งนี้ เชื่อว่า หากไม่มีปัญหามั่นใจว่าลูกเต่าจะทยอยฟักตัวออกเรื่อยๆเพราะตั้งแต่วันที่เต่าขึ้นวางไข่จะใช้เวลาประมาณ 45-50 วัน ในการที่จะฟักออกมาเป็นตัว เพราะหากปล่อยให้ฟักเองตามธรรมชาติ อัตรารอดจะเพียง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น หลังจากการฟักตัว เนื่องจากจะเป็นเหยื่อของทั้งนก และสัตว์ในทะเลตลอดจนสัตว์บนบก

นายอติชาต กล่าวให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า เต่ากระ ซึ่งถือเป็นเต่าทะเล มีกระดองที่แข็งขนาดใหญ่ กินพืชเป็นอาหารโดยเฉพาะพวกสาหร่าย หรือหญ้าทะเล สิ่งสำคัญถือเป็นสัตว์สงวนและคุ้มครอง ตาม พ.ร.บ.2535 และอยู่ในบัญชีอนุสัญญาไซเตสบัญชีที่ 1 ซึ่งถือว่าใกล้สูญพันธุ์

ดังนั้น การที่มีเต่ากระ ขึ้นมาวางไข่บนชายหาดเกาะทะลุ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สัตว์ใกล้สูญพันธ์กลับขึ้นมาวางไข่ ซึ่งได้ทำบันทึกและเก็บรวบรวมสถิติเอาไว้เป็นข้อมูล ทั้งเมื่อปี 2553 มีข้อมูลขึ้นมาวางไข่บนเกาะทะลุถึง 10 รัง แต่พบว่าไข่ไม่สมบูรณ์ และบางส่วนรังไข่ถูกน้ำทะเลท่วมสูง จนไข่ทั้งหมดไม่มีการฟักเป็นตัวออกมา และจากข้อมูลในรอบ 50ปี ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยังไม่มีรายงานพบการวางไข่ของเต่ากระแต่อย่างใด จึงเป็นเรื่องที่ต้องบันทึกเอาไว้

ด้านนายอภินันท์ จันทรังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า อย่างน้อยที่สุดตอนนี้ได้รู้ว่าในทะเลแถบนี้ยังคงมีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์เต่ากระ เพราะมีการขึ้นมาวางไข่ ตนเองให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นทราบกันดีว่าสถานการณ์ของสัตว์ทะเลหายาก โดยเฉพาะเต่ากระ ค่อนข้างน้อยลงด้วยปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการทำการประมง จะเห็นได้ว่ามีเต่าขนาดใหญ่ติดอวนเสียชีวิต

ดังนั้น จึงฝากให้ให้ชาวประมงช่วยกันอนุรักษ์ มีการทำการประมงที่ถูกวิธี สิ่งสำคัญทุกคนต้องมีจิตสำนึกในการที่จะไม่ไปขุดไข่เต่าขึ้นมาเพื่อการบริโภค เพราะถือว่าเป็นการฆ่าเต่ากระทางอ้อม เมื่อปี 2553 ตนก็มาติดตามหลังมีรายงานว่ามีการขึ้นมาวางไข่บนเกาะทะลุ ครั้งที่แล้วตัวเลขเท่าที่ทราบประมาณ 10 รัง แต่ก็โดนธรรมชาติ น้ำทะเลท่วมสูงหลายวัน ไข่ไม่สมบูรณ์ บางส่วนถูกสัตว์ขุดคุ้ยกินไปก็มีเป็นที่น่าเสียดาย แต่ครั้งนี้เริ่มมีการดูแลอย่างดีของทางรีสอร์ท ที่เกาะทะลุ

“วันนี้ผมยังหวังว่าน่าจะมีลูกเต่ากระฟักออกมาเพิ่มเติม ซึ่งหากทุกรังมีการฟักออกมา เท่าที่ทราบตอนนี้ 7 รัง ลูกเต่ากระฟักออกจากไข่อออกมาแล้วสิ่งสำคัญการอนุบาลดูแลลูกเต่ากระ เป็นเรื่องที่สำคัญต้องฟังทางผู้เชี่ยวชาญทีมีความรู้ความชำนาญการ วันนี้ลูกเต่ากระไม่รอดทั้งหมดก็ไม่ใช่เป็นประเด็นปัญหา ถึงจะรอดน้อยแต่หากในที่สุดวันที่มีการปล่อยคืนสู่ธรรมชาติท้องทะเลอ่าวไทย ที่เกาะทะลุ ผมว่าทุกคนควรภูมิใจเพราะจะทำให้ลูกเต่ากระไปเจริญเติบโตในทะเลอ่าวไทย กลายเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ต่อไปในอนาคต

ซึ่งเบื้องต้นผมก็ให้ทาง รีสอร์ทฯ คอยแจ้งข้อมูลเป็นระยะหากมีการฟักตัวเพิ่มเติม รวมไปถึงทางศูนย์ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จ.ชุมพร ก็ต้องคอยมาติดตามข้อมูล ซึ่งตอนนี้นักท่องเที่ยวเองก็ให้ความสนใจในเรื่องของลูกเต่ากระที่ฟักในพื้นที่ชายหาดเกาะทะลุ อ.บางสะพานน้อย เท่าที่ทราบ”

ด้าน ลุงสุนทร รสดี ประธานกลุ่มอาสาสมัครอนุรักษ์สัตว์น้ำบ้านหนองเสม็ด กล่าวว่า การพบแหล่งวางไข่ของเต่ากระซึ่งถือเป็นสัตว์ทะเลที่เหลือน้อยมากและเป็นสัตว์ทะเลหายาก บริเวณชายหาดเกาะทะลุ ในแหล่งท่องเที่ยว ถือว่าเป็นตัวชี้วัดว่าในปัจจุบันทั้งชุมชนและผู้ประกอบการมีการดูแลชายฝั่งทะเลร่วมกัน และเกิดโครงการจัดการทรัพยากรประมงโยนชุมชน อ่าวบางสะพาน-อ่าวบางสะพานน้อย ขึ้นมาถึง 12 ปี ชาวประมงมีการเรียนรู้การทำประมงแบบยั่งยืน การอนุรักษ์ทำให้ทรัพยากรสัตว์น้ำแถบบริเวณนี้ฟื้นกลับคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์ด้วยสัตว์น้ำนานาชนิด

จนปัจจุบันนี้เต่าทะเลสัตว์หายากกลับขึ้นมาวางไข่ได้ วันนี้ชาวประมงในพื้นที่แถบนี้รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ในการกลับมาของ “สัตว์ทะเลหายากที่ใกล้สูญพันธุ์” ได้ขึ้นมาวางไข่อีกครั้ง