xs
xsm
sm
md
lg

ชาวลุ่มน้ำอีสานเตรียมดันโมเดลการจัดการน้ำ “รัฐบาลปูแดง” จวกรัฐแก้ปัญหาไม่ถูกจุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า จ.อุดรธานี ร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชนเครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภาคอีสาน นักวิชาการในแวดวงสถาบันอุดมศึกษาท้องถิ่น ได้จัดเวทีวิชาการวิพากษ์นโยบายการจัดการน้ำและบทเรียนจากประสบการณ์ชุมชนอีสาน
อุดรธานี -คนลุ่มน้ำอีสาน ร่วมกับนักพัฒนาเอกชน และนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญ ด้านการจัดการน้ำ เปิดเวทีวิพากษ์โมเดลจัดการน้ำขนาดใหญ่ของรัฐบาล จวกคิดแบบแยกส่วนซอยย่อยละเลยความสัมพันธ์อันสลับซับซ้อนของมนุษย์กับภูมินิเวศ ลั่นพร้อมดันโมเดลจัดการน้ำทางเลือกที่เน้นความสัมพันธ์ของคน-ภูมินิเวศอีสาน และภูมิปัญญาท้องถิ่นเสนอรัฐบาล

รายงานข่าวแจ้งว่า บ่ายวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า จ.อุดรธานี ร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชนเครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภาคอีสาน นักวิชาการในแวดวงสถาบันอุดมศึกษาท้องถิ่น ได้จัดเวทีวิชาการวิพากษ์นโยบายการจัดการน้ำและบทเรียนจากประสบการณ์ชุมชนอีสาน

ทั้งนี้ ได้เชิญชาวบ้านจากลุ่มน้ำโขงอีสาน ชี ห้วยหลวง หนองหาน ลำพะเนียงและแก่งละว้า จำนวนกว่า 300 คน ร่วมถอดบทเรียนและเสนอโมเดลการจัดการน้ำทางเลือกเสนอรัฐบาลใหม่

ช่วงแรก วิทยากรได้ผลัดเปลี่ยนกันอภิปรายเกี่ยวกับสถานการณ์นโยบายของการจัดการลุ่มน้ำของรัฐบาล เพื่อให้ผู้เข้าร่วมเวทีได้เข้าใจภาพรวมของนโยบาย แผนและโครงการการจัดการน้ำในอีสาน อาทิ การผันน้ำข้ามประเทศ น้ำงึม-ห้วยหลวง-ลำปาว การผันน้ำข้ามลุ่มน้ำในภูมิภาค โครงการระบบเครือข่ายน้ำพื้นที่วิกฤต 19 พื้นที่ และนิเวศอีสานกับการจัดการน้ำ

หลังจากนั้น ในช่วงที่สองได้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างวิทยากรกับชาวบ้านจากพื้นที่ลุ่มน้ำต่างๆเกี่ยวกับประสบการณ์ และปัญหาของแต่ละพื้นที่อย่างกว้างขวาง พร้อมกันนั้นก็ได้มีการระดมความคิดเสนอแนวทางการจัดการน้ำทางเลือกร่วมกันเพื่อผลักดันโมเดลการจัดการน้ำเสนอรัฐบาลต่อไป

นายสันติภาพ ศิริวัฒนไพบูลย์ อาจารย์ประจำสาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ระบุถึงการจัดการน้ำขนาดใหญ่ของรัฐนั้นได้สะท้อนให้เห็นว่า เป็นการพัฒนาที่เกินความจำเป็น คนชนบทอีสานไม่ได้ต้องการน้ำปริมาณมากๆ อย่างที่รัฐคิด น้ำที่มีอยู่มันก็เพียงพออยู่แล้ว ขณะเดียวกัน กระบวนการจัดการน้ำของรัฐดังกล่าวยังมีลักษณะรวมศูนย์อำนาจ ขาดการมีส่วนร่วมของชาวบ้านในพื้นที่ ที่สำคัญคือ การละเลยการมองในมิติความสัมพันธ์ระหว่างชาวบ้าน ภูมิปัญญา และภูมินิเวศเฉพาะของแต่ละพื้นที่

ดังนั้น ทางออกของการจัดการน้ำที่จะสามารถสร้างความสมดุลระหว่างคนกับธรรมชาติอย่างยั่งยืนได้นั้น จึงต้องเปิดพื้นที่ให้กับการมีส่วนร่วมของชาวบ้านในท้องถิ่น คืนอำนาจการตัดสินในการจัดการและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรให้กับชาวบ้าน เพื่อให้มีการจัดการน้ำในระดับย่อย กระจายตัวให้เหมาะสมสอดคล้องกับภูมินิเวศ และวิถีชีวิตของชาวบ้านในแต่ละพื้นที่

ด้าน นายหาญณรงค์ เยาวเลิศ ประธานมูลนิธิเพื่อการบริหารการจัดการน้ำแบบบูรณาการ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในภาคอีสาน ลักษณะของการเกษตร จะต่างกับการเกษตรในภาคกลางโดยสิ้นเชิง ถ้าไปทำนาในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม เช่น ในหนองบึง ที่อยู่ในอีสาน เราพัฒนาได้เพียงบางที่ เพราะบางที่เราสูบน้ำในช่วงหน้าแล้ง เกลือก็ตามมา ผลกระทบก็คือว่า น้ำที่เข้าไปอยู่ในแปลงเกษตรจะทำให้ข้าวตาย อันนี้พิสูจน์ได้จากโครงการสูบน้ำด้วยพลังงานไฟฟ้า ที่ดำเนินการโดยกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน ที่เคยทำมาแล้ว

หรือหากเป็นโครงการโขงชีมูลที่มีการสร้างเขื่อน เช่น เขื่อนราษีไศล และเขื่อนอื่นๆ จะมีเพียงบางเขื่อนเท่านั้นที่สามารถสูบน้ำได้จากน้ำมูล น้ำชี มาใช้ได้ พฤติกรรมของการทำเกษตรในภาคอีสานเกือบจะทั้งหมด ต้องทำนาโดยการใช้น้ำจากธรรมชาติ ไม่ใช่น้ำในระบบชลประทาน

ขณะที่ นายวิเชียร ศรีจันนนท์ แกนนำกลุ่มอนุรักษ์และฟื้นฟูลุ่มน้ำลำพะเนียง แสดงความเห็นว่า อยากให้รัฐบาลยกเลิก หยุด ชะลอโครงการที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนทั้งหมด เพราะที่ผ่านมาการจัดการน้ำตามแนวทางของรัฐบาลได้สร้างผลกระทบทางลบมากกว่าประโยชน์ที่รัฐได้บอกกับชาวบ้านเอาไว้

กรณีตัวอย่างที่ลำพะเนียงชัดเจนมาก ระบบนิเวศในลำพะเนียงเสื่อมโทรม ทรัพยากรที่เคยมีอยู่หลากหลาย ชาวบ้านสามารถไปเอามาเป็นอาหารเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เอาไปขายตลาดก็ทำไม่ได้แล้วในทุกวันนี้ ธรรมชาติมันเปลี่ยนแปลงไปหมด แล้วใครจะเข้ามารับผิดชอบให้ชาวบ้าน ถ้าไม่ใช่พวกเรารับผิดชอบตัวเราเอง

นายคงเดช เข็มนาค กรรมการกลุ่มชาวบ้านอนุรักษ์และฟื้นฟูแก่งละว้า กล่าวในทำนองเดียวกันว่า โครงการจัดการน้ำของรัฐที่ผ่านมา ได้สร้างปัญหาให้กับชาวบ้าน มีการสร้างคันดินล้อมรอบแก่งเพื่อกักเก็บน้ำ ทำให้น้ำไม่สามารถไหลลงแก่งละว้าได้ น้ำเอ่อล้นท่วมที่ดินทำกินของชาวบ้าน ดังนั้น รัฐจะต้องแก้ไขปัญหาด้วยการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูและเยียวยาจากนโยบายการจัดการน้ำของภาครัฐที่ล้มเหลว นายคงเดช กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเวทีจะยุติลงทางวิทยากร และชาวบ้านจากพื้นที่ลุ่มน้ำต่างๆ ได้มีความเห็นร่วมกันว่า แต่ละพื้นที่ต้องกลับไปประมวลสถานการณ์ และถอดบทเรียนของพื้นที่ตนเอง เพื่อจัดทำข้อมูลระดับพื้นที่ที่ถูกต้อง ชัดเจน แล้วนำเสนอเป็นทางเลือกในการจัดการน้ำเพื่อเสนอให้กับรัฐบาลในไปพิจารณาต่อไป
ชาวบ้านจากพื้นที่ลุ่มน้ำต่างๆได้มีความเห็นร่วมกันว่า แต่ละพื้นที่ต้องกลับไปประมวลสถานการณ์และถอดบทเรียนของพื้นที่ตนเอง เพื่อจัดทำข้อมูลระดับพื้นที่ที่ถูกต้อง ชัดเจน แล้วนำเสนอเป็นทางเลือกในการจัดการน้ำเพื่อเสนอให้กับรัฐบาลในไปพิจารณาต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น