ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - แพทย์ระบุ “หลวงพ่อคูณ” ล่าสุด อาการทรงตัว และเกิดภาวะซึมเศร้า เหตุอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมนาน และใส่สายยางทางจมูกมานาน ชี้ มีผลต่อจิตใจคนไข้มากแนะลูกศิษย์และทางจังหวัด ตัดสินใจให้แพทย์เจาะหน้าท้องให้อาหารโดยเร็ว เผยผู้ว่าฯโคราช นัดหารือเรื่องย้ายหรือไม่ย้ายพ่อคูณ ไป รพ. ศิริราช 5 ก.ย.นี้
วันนี้ (2 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น.นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือดโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นเป็นแพทย์ประจำตัวพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เปิดเผยภายหลังเข้าตรวจอาการของ หลวงพ่อคูณ ว่า จากการตรวจวันนี้อาการยังทรงตัว ตอบสนองได้ดี และรู้ตัวดี คุยรู้เรื่อง แต่ยังมีอาการอ่อนเพลียบ้างเล็กน้อยเนื่องจากปอดอักเสบจากการสำลักอาหาร ซึ่งแพทย์หยุดให้ยาไปตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา อาจทำให้ท่านอ่อนเพลียบ้าง แต่ค่อยๆ ดีขึ้นเป็นลำดับเพราะการติดเชื้อครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรง จึงต้องใช้เวลาในการรักษาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หลังจากการหยุดให้ยา
ส่วนการเจาะให้อาหารทางสายยางผ่านหน้าท้อง นพ.พินิศจัย กล่าวว่า วันนี้ (2 ก.ย.) ได้รับการประสานมาจากจังหวัดนครราชสีมา ว่า นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมานัดหารือเพื่อสรุปผลการรักษาหลวงพ่อคูณและพูดคุยเรื่องการเจาะหน้าท้องหลวงพ่อในช่วงบ่าย วันจันทร์ที่ 5 ก.ย.นี้ ที่ห้องประชุมโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา
นพ.พินิศจัย กล่าวต่อว่า สำหรับคณะแพทย์ได้รับการตอบกลับจากโรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ ว่า จะให้คณะอาจารย์แพทย์ขึ้นมาทำการเจาะท้องให้หลวงพ่อคูณ ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ล่าสุด ก็ยังคงยืนยันเช่นนั้น และคิดว่าโรงพยาบาลศิริราชคงพิจารณาทุกแง่ทุกมุมแล้ว โดยเอาหลวงพ่อเป็นหลัก ฉะนั้นการที่เรามัวแต่รอจะทำให้หลวงพ่อเสียประโยชน์ เพราะดูจากวันนี้ หลวงพ่อคูณมีอาการซึมเศร้าให้เห็น เพราะทุกวันได้แต่นอนถูกเจาะเลือด ให้อาหารทางสายยางทางจมูก ไม่ได้ฉันอาหารทางปาก ซึ่งใช้ชีวิตซ้ำซากอยู่แต่ในห้อง จึงทำให้ท่านเบื่อเซ็งเกิดภาวะซึมเศร้า
นอกจากนี้ เท่าที่สังเกตเมื่อตอนที่นำสายยางออกจากช่องจมูกดูหลวงพ่อดีขึ้นมาก กระฉับกระเฉงขึ้น ซึ่งอาจารย์แพทย์และผู้ใหญ่หลายคนก็แนะนำว่า การที่มีสายยางอยู่ในจมูกของคนไข้เช่นนี้ มีผลทางจิตใจของคนไข้มาก
“ฉะนั้น คิดว่า เมื่อถึงเวลาจำเป็นจะต้องทำก็ต้องรีบทำ (เจาะให้อาหารทางสายยางผ่านหน้าท้อง) ส่วนทางลูกศิษย์ถ้าไปคุยให้ทางโรงพยาบาลศิริราชเปลี่ยนใจคณะแพทย์ได้ก็ไม่ขัดข้องอะไร ยินดีที่จะส่งหลวงพ่อไปอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องให้ลูกศิษย์คุยกับทางศิริราชเอง เพราะเราได้รับคำสั่งจากทางศิริราชมาชัดเจนแล้วว่า จะส่งทีมอาจารย์แพทย์มาเจาะให้ที่นี่”นพ.พินิศจัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางคณะแพทย์ ได้เริ่มหยุดให้ยาละลายเลือดแก่หลวงพ่อคูณแล้ว ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (1 ก.ย.) เพราะการเจาะหน้าท้องของหลวงพ่อต้องมีกระบวนการหลายอย่าง โดยจะต้องหยุดให้ยาละลายเลือด ซึ่งที่ผ่ามาเราใช้รักษาโรคหัวใจตีบ และหัวใจเต้นผิดปกติของหลวงพ่อ ซึ่งต้องหยุดให้ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนจึงจะลงมือเจาะหน้าท้องได้
ส่วนการเจาะหน้าท้องนั้นต้องเรียน ว่า แผลที่เกิดขึ้นไม่ได้ใหญ่อะไรมาก เพียงแค่เอากล้องส่องลงไปและเจาะแผลนิดเดียวและใส่สายเข้าไป คนไข้จะเจ็บอยู่บ้างในช่วง 1-2 วัน เมื่อแผลปิดแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่การจะทำอะไรกับหลวงพ่อซึ่งเป็นคนของประชาชนต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ