ชลประทานหวั่นน้ำล้นเขื่อนแม่กวงฯ-ผู้ว่าฯ เตรียมสั่งตรวจสอบก่อสร้างกีดขวางทางน้ำ

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ชลประทานหวั่งหากฝนยังตกต่อเนื่องน้ำในเขื่อนส่อแววล้น หลังเขื่อนแม่กวงจุน้ำเกิน 80% แล้ว ด้านผวจ.เชียงใหม่ระบุข้อมูลชลประทานชัดเจนปัญหาน้ำท่วมมาจากการระบายน้ำมีปัญหา เตรียมสั่งการท้องถิ่นเร่งสำรวจพื้นที่ก่อนเดินหน้าจัดระเบียบ เขื่อนแม่กวงยันไม่ปล่อยน้ำกระทบชาวบ้านหากยังรับไหว ชี้ต้องรุกล้ำน้ำกวงทำการระบายน้ำมีปัญหาต้องเร่งแก้

วันนี้ (19 ส.ค.54)ที่สำนักชลประทานที่ 1 จ.เชียงใหม่ หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดกรมทชลประทานในจังหวัดเชียงใหม่ ถึงสถานการณ์น้ำของจังหวัดเชียงใหม่และแนวทางการแก้ไขปัญหา หลังจากที่เกิดฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้เกิดเหตุน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ แลละล่าสุดได้เกิดเหตุขึ้นอีกครั้งที่ ต.สันกำแพง และ ต.แช่ช้าง อ.สันกำแพง และ ต.เชิงดอย อ.ดอยสะเก็ด

ในการประชุมดังกล่าว แต่ละหน่วยงานได้รายงานถึงสถานการณ์น้ำและแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้น โดยระบุว่าสาเหตุของการเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ อ.สันกำแพงและ อ.ดอยสะเก็ดในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้เป็นผลมาจากการบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทาน แต่เป็นผลมาจากการที่มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นในลำน้ำสาขา ประกอบกับน้ำไม่สามารถระบายออกจากพื้นที่ได้เนื่องจากมีการกีดขวางของเส้นทางน้ำ รวมทั้งแม่น้ำกวงซึ่งเป็นแหล่งรองรับน้ำจากจุดที่เกิดเหตุน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมามีประสิทธิภาพในการรองรับน้ำลดลง ทั้งจากความตื้นเขินและปริมาณน้ำที่มีอยู่เป็นจำนวนมากจนเข้าสู่ระดับวิกฤต

ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยระบุว่าจะสั่งการให้ทุกอำเภอที่เกิดปัญหาสามารถนำงบประมาณฉุกเฉินออกมาใช้ได้ทันที รวมทั้งเตรียมที่จะนำข้อมูลที่ได้ทั้งหมดนำเสนอในการประชุมคณะรัฐมนตรีผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์ในวันพรุ่งนี้ (20 ส.ค.) รวมทั้งยังแสดงความเป็นห่วงต่อกรณีที่สถานการณ์น้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลากอาจส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ โดยในช่วงบ่ายของวันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้เดินทางไปยังพื้นที่ อ.สันกำแพงเพื่อสำรวจสภาพความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำในพื้นที่ รวมทั้งนำสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปแจกจ่ายให้กับประชาชนอีกด้วย

ขณะที่นายวินัย พงษ์จินดา ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 1 ระบุว่า ทั้งนี้กรมชลประทานยังสามารถบริหารการกักเก็บน้ำภายในเขื่อนได้ โดยในขณะนี้เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล มีปริมาณน้ำ 177 ล้านลบ.ม. หรือร้อยละ 67 ของความจุ ขณะที่เขื่อนแม่กวงอุดมธารามีปริมาณน้ำ 216 ล้านลบ.ม. หรือร้อยละ 82 ของความจุ ซึ่งจากปริมาณดังกล่าว หากช่วงต่อจากนี้ไม่ฝนตกต่อเนื่องลงมาอีกทางเขื่อนก็ยังสามารถกักเก็บน้ำเอาไว้ได้

หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า จากการรับทราบปัญหาสถานการณ์น้ำของจังหวัดเชียงใหม่ พบว่าสิ่งที่เป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องมีการแก้ไขคือปัญหาการกีดขวางเส้นทางการระบายน้ำตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการเกิดขึ้นโครงการหมู่บ้านจัดสรร อาคารบ้านเรือหรือการถมที่ดินเพื่อก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ซึ่งตนเตรียมที่จะสั่งการให้ทางจังหวัดเรียกประชุมผู้บริหารจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ เพื่อขอให้เร่งทำการสำรวจในพื้นที่ของแต่ละแห่งว่ามีการอนุญาตหรือการปล่อยให้มีการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรือการถมปิดทับทางน้ำสาธารณะที่เป็นแหล่งระบายน้ำตามธรรมชาติหรือไม่ โดยจะนำข้อมูลที่ได้มาทำการจัดระเบียบการจัดสรรพื้นที่ใหม่ให้เหมาะสม รวมทั้งจะมีการพิจารณาถึงการขุดลอกหรือปรับแต่งแม่น้ำและทางน้ำสาธารณะต่างๆ เพื่อรองรับน้ำในอนาคตอีกด้วย

ด้านนายวัธนา กีรกะจินดา ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวง เขื่อนแม่กวงอุดมธารากล่าวว่า ปัจจุบันปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำแม่กวงอุดมธารามีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นในรอบหลายปี เนื่องจากฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้มีปริมาณน้ำถึง 216 ล้านลบ.ม. หรือร้อยละ 82 ของความจุ ยังเหลือปริมาณความจุที่สามารถรองรับน้ำได้อีกประมาณ 47 ล้านลบ.ม. ขณะที่ปัจจุบันมีน้ำเข้าสู่อ่างเก็บน้ำเฉลี่ยวันละ 2 ล้านลบ.ม. หากยังมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง มีความเป็นไปได้ที่น้ำจะล้นสปิลล์เวย์ออกไปสู่พื้นที่ท้ายเขื่อน ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2539 และปี 2548 อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าหาจำเป็นจะตองมีการระบายน้ำออกจากเขื่อน จะกระทำโดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยจะไม่มีการระบายน้ำออกในช่วงที่เกิดน้ำท่วมเด็ดขาด

ส่วนกรณีปัญหาการระบายน้ำของแม่น้ำกวงนั้น นายวัธนาระบุว่าเกิดจากการถูกรุกล้ำในหลายจุด ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข โดยที่ผ่านมาได้ประสานกับกรมเจ้าท่าเพื่อขอแผนที่ทางอากาศของแม่น้ำกวงเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับสภาพแม่น้ำในปัจจุบันแล้วแต่เรื่องยังไม่คืบหน้าเนื่องจากทางกรมเจ้าท่าต้องประสานให้กรมที่ดินเข้ามาร่วมตรวจสอบ อย่างไรก็ตามหากสามารถนำแผนที่มาเปรียบเทียบเพื่อพิสูจน์สภาพำแล้วก็จะทราบว่าในจุดใดบ้างที่มีการรุกล้ำแม่น้ำกวง และหลังจากนั้นก็จะสามารถทำการเพิกถอนสิทธิการครอบครองหรือทำการเวนคืนที่ดินในจุดดังกล่าวได้