กมธ.ทรัพยากรธรรมชาติฯโยนให้กก.ไตรภาคีตัดสินสร้าง"ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3"

ศูนย์ข่าวศรีราชา-กมธ.ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ติดตามความคืบหน้าการค้ดค้านสร้างท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 หลังพบชาวบ้านแหลมฉบัง-บางละมุง คัดค้านต่อเนื่อง เพราะหวั่นส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการทำประมง โยนให้คณะกรรมการไตรภาคี ร่วมพิจารณาผลดี-ผลเสีย เพื่อชี้ชัดสร้างได้หรือไม่ท่าเรือเฟส 3

วันนี้ (19 ส.ค. ) ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 4 เทศบาลนครแหลมฉบัง จ.ชลบุรี นางภารดี จงสุขธนามณี รองประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา พร้อมคณะ ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้ากรณีการคัดค้านการขยายท่าเทียบเรือ เฟส 3 ของการท่าเรือแหลมฉบัง โดยมีนายเฉลิมเกียรติ สลักคำ ผู้อำนวยการการท่าเรือแหลมฉบัง ร่วมให้การต้อนรับ โดยมีกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่แหลมฉบัง และบางละมุง มารวมตัวถือป้ายคัดค้านโครงการดังกล่าว เพราะหวั่นจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสัตว์น้ำ ที่สำคัญในการทำอาชีพด้านการประมง

นางภารดี กล่าวว่า ทางคณะ กมธ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา พร้อมคณะที่ปรึกษา ลงมาในครั้งนี้เพื่อติดตามปัญหาและแนวทางในการแก้ไขปัญหา ที่อาจจะส่งผลกระทบ หากก่อสร้างท่าเรือเฟส 3 เพราะขณะนี้มีกลุ่มชาวบ้านหวั่นจะได้รับผลกระทบจึงออกมารวมตัวคัดค้าน เพื่อไม่ให้โครงการนี้เกิดขึ้น ดังนั้น ตนในฐานะที่ดูแลรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อม จึงต้องลงมาร่วมแก้ไขปัญหาดังกล่าว ให้เป็นระบบและชอบธรรม เพื่อไม่ให้ปัญหาบานปลายเพิ่มขึ้น

ปัญหาที่ชาวบ้านออกมาคัดค้าน เนื่องจากที่ผ่านมาโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือ เฟส 1 และ เฟส 2 ยังสร้างปัญหาต่อประชาชนบริเวณพื้นที่ดังกล่าว แม้จะผ่านมานานหลายปีแล้วก็ตาม แต่ชาวบ้านยังได้รับผลกระทบอยู่ ดังนั้น เมื่อจะมีโครงการขยายท่าเรือเฟส 3 ชาวบ้านจึงต้องออกมารวมตัวคัดค้านอย่างแน่นอน

นางภารดี กล่าวต่อไปว่า ปัญหาดังกล่าวจะคลี่คลายไปในแนวทางที่ดีขึ้น โดยจะต้องร่วมกันทำงานทั้ง 3 ฝ่าย(ไตรภาคี) คือ ภาคประชาชน ภาครัฐ และนักวิชาการ เพื่อให้โครงการนั้นโปร่งใสและเป็นที่ยอมรับในทุกๆฝ่าย และหากโครงการดังกล่าวยังไม่เป็นที่ยอมรับ โครงการคงเกิดขึ้นไม่ได้อย่างแน่นอน ซึ่งจะต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการไตรภาคีชุดนี้

สำหรับคณะกรรมการไตรภาคี ที่จะจัดตั้งขึ้นมา ชื่อ “คณะกรรมการกำกับติดตามผลกระทบและการพัฒนาท่าเรือ เฟส 1 และ 2 “ โดยยังไม่เกี่ยวข้องกับท่าเรือเฟส 3 ที่มีโครงการในขณะนี้ เนื่องจากเฟส 1 และ 2 นั้น ยังเป็นปัญหาคาใจประชาชนบริเวณดังกล่าว เพราะทางการท่าเรือแหลมฉบังไม่เคยให้ความสนใจหรือเข้ามาแก้ไขปัญหา ดังนั้น โครงการเฟส 3 จึงยังไม่สมควรจะเกิดขึ้น หากการแก้ไขปัญหา เฟส 1 และ เฟส 2 ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ

นางภารดี กล่าวต่อไปว่า สำหรับคณะกรรมการไตรภาคี มีผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธาน โดยมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเป็นคณะกรรมการ , มีการท่าเรือแหลมฉบัง , เทศบาลนครแหลมฉบัง ,เทศบาลตำบลบางละมุง ,เจ้าหน้าที่จากอนุกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม , ชาวบ้านบางละมุง 5 คน ,ชาวบ้านแหลมฉบัง 5 คน และชาวบ้านตะเคียนเตี้ย 3 คน โดยรวมคณะกรรมชุดนี้ประมาณ 47-50 คน

สำหรับคณะกรรมการตรภาคีชุดนี้ จะเป็นผู้ชี้จัดว่าโครงการท่าเทียบเรือเฟส 3 จะเกิดได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการดังกล่าว โดยเฉพาะแนวทางการแก้ไขปัญหา ท่าเรือเฟส 1 และเฟส 2 หากแก้ไขปัญหาและสร้างความพอใจต่อชาวบ้าน แม้จะใช้ระยะเวลานานเป็น ปีหรือ 2 ปี ก็ตาม จะต้องดำเนินการให้เป็นรูปธรรมและชัดเจน

ด้านนายพงษ์ศักดิ์ รักความสุข สมาชิกสภาเทศบาลตำบลบางละมุง กล่าวว่า การจัดตั้งคณะกรรมการไตรภาคี ชุดดังกล่าวขึ้นมา ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องและชอบธรรม เนื่องจากชาวบ้านเข้าไปมีส่วนรู้เห็นและแสดงความคิดเห็นต่างๆได้ โดยเฉพาะเริ่มเข้าแก้ไขปัญหา ในเฟส 1 และเฟส 2 และเป็นที่น่าพอใจของทุกๆฝ่าย โครงการท่าเทียบเรือเฟส 3 ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่หากไม่เป็นไปตามที่ตัวแทนชาวบ้านที่ร่วมเป็นคณะกรรมการแล้ว โครงการเฟส 3 คงต้องยุติหรือล้มเลิกในที่สุด

ด้าน ดร.สมนึก จงมิวศิน เครือข่ายประชาชนคัดค้านการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบังขั้นที่ 3 กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทางการท่าเรือแหลมฉบัง ไม่เคยทำความเข้าใจกับประชาชนหรือผู้ได้รับผลกระทบต่อโครงการขยายท่าเรือเฟส 1 และ เฟส 2 เลย โดยมุ่งเพียงแต่จะให้โครงการดังกล่าวเกิดขึ้น โดยอ้างเพียงว่าจะรองรับการเจริญเติบโตของประเทศในอนาคต ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและชอบธรรม แต่เมื่อมีการจัดตั้งคณะกรรมการไตรภาคี โดยให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนรับรู้และแสดงความคิดเห็น ถือเป็นสิ่งที่ดี เนื่องจากจะเข้ามาแก้ไขปัญหาเฟส 1 และ เฟส 2 ก่อน หากเป็นผลดีและน่าพอใจ การพิจารณา เฟส 3 อาจจะเป็นไปได้ในอนาคต

ด้านนายรังสรรค์ สมบูรณ์ ชาวประมงแหลมฉบัง กล่าวว่า ที่ผ่านมา การท่าเรือแหลมฉบัง ไม่เคยออกมาชี้แจงหรือทำความเข้าใจกับชาวบ้านเลย โดยมุ่งที่จะวางแผนการก่อสร้างอย่างเดียวเท่านั้น ทำให้ชาวบ้านต้องออกมารวมตัวคัดค้านอย่างต่อเนื่องและจริงจัง เพราะหวั่นจะเหมือนเฟส 1 และ เฟส 2 ที่ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก และไม่ต้องการที่จะให้เกิดขึ้นแล้ว แต่เมื่อมีการตั้งคณะกรรมการช่วยกันทั้ง 3 ฝ่าย ก็เป็นจริงที่ดี ที่สามารถรับรู้แนวทางต่างๆของโครงการ หากส่งผลกระทบหรือสร้างปัญหา โครงการดังกล่าวคงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน