กมธ.ทรัพยากรธรรมชาติฯวุฒิสภา จี้เร่งแก้ปัญหาน้ำเสียเทศบาลฯแหลมฉบัง

ศูนย์ข่าวศรีราชา - กมธ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา จี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาน้ำเสียเทศบาลฯแหลมฉบัง หลังปล่อยทิ้งลงทะเลโดยไม่ผ่านการบำบัด สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เตรียมประสานทุกภาคส่วน แก้ไขอย่างเป็นระบบ

วันนี้ (19 ส.ค.54) ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 4 เทศบาลนครแหลมฉบัง นางภารดี จงสุขธนามณี รองประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา พร้อมคณะ ได้เดินทางมาติดตามการบริหารจัดการน้ำเสียของเทศบาลนครแหลมฉบัง โดยมีนางจินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง และหัวหน้าส่วนราชการให้การต้อนรับ พร้อมชี้แจงปัญหาและผลกระทบต่างๆที่เกิดขึ้น โดยมีประธานชุมชน และประชาชนในพื้นที่แหลมฉบัง ร่วมรับฟังในครั้งนี้

นางจินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรี นครแหลมฉบัง ชี้แจงว่า ในความเป็นจริงเทศบาลนครแหลมฉบัง มีบ่อบำบัดน้ำเสียของเทศบาล ก่อสร้างโดยกรมโยธาธิการ โดยสามารถบำบัดน้ำเสียได้วันละ 7,500 ลูกบาศก์เมตร/วัน แต่ปัจจุบันมีน้ำเสียที่ผ่านเข้าสู่ระบบเพียง 3,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน เท่านั้น เนื่องจากน้ำเสียที่จะเข้าสู่ระบบไม่เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้

นอกจากนั้น มีชุมชนเกิดขึ้นใหม่ แต่ไม่มีระบบบำบัดน้ำเสีย โดยน้ำเสียส่วนใหญ่ปล่อยสู่ลำคลองสาธารณะ ห้วยบ้านนา ซึ่งน้ำเสียดังกล่าวได้ไหลลงสู่ทะเลบริเวณปากคลองบางละมุง สร้างผลกระทบต่อชาวประมง เนื่องจากสัตว์ทะเลที่เพาะเลี้ยง ตายเป็นจำนวนมาก และมีการร้องเรียนไปถึงหน่วยงานระดับสูง เพื่อให้เข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว

นางจินดา กล่าวต่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากบริเวณพื้นที่ดังกล่าว มีลำห้วยสาธารณะซึ่งมีความยาวหลายกิโลเมตร และไหลผ่านบ้านเรือนประชาชน ,แหล่งชุมชน,ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม ที่สำคัญบ้านเรือนประชาชนและแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ไม่มีระบบบำบัดน้ำเสีย นอกจากนั้นผู้ประกอบการบางรายไม่นำน้ำเสียเข้าสู่ระบบบำบัดอย่างถูกต้อง โดยปล่อยลงสู่ลำห้วยหรือลำคลองสาธารณะ และไหลลงสู่ทะเล จนสร้างปัญหาและผลกระทบดังกล่าว

“การแก้ไข้ปัญหาดังกล่าวนั้น จะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก เพราะจะต้องผันน้ำทั้งหมดเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียของเทศบาล ฯเพื่อบำบัดให้ถูกต้องก่อนปล่อยลงสู่ทะเล ปัญหาต่างๆจะหมดไป แต่ติดปัญหาเรื่องงบประมาณ ที่จะก่อสร้างระบบดังกล่าว ทำให้เป็นปัญหาอยู่ทุกวันนี้ ” นางจินดา กล่าว

ด้านนายสนธิ คชวัฒน์ อนุกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ทางเทศบาลฯสามารถทำหนังสือถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบภายในจังหวัดชลบุรี จากนั้นหน่วยงานในจังหวัดทำหนังสือถึงคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อขอจัดสรรงบประมาณ เพื่อมาดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งอาจจะเป็นเงินกู้จากกองทุนสิ่งแวดล้อม หรือเงินจากส่วนอื่นๆ เพื่อมาแก้ไขปัญหาทั้งระบบ โดยทางเทศบาลนครแหลมฉบัง จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้

ทางด้านนายสุรพล จันทร์น้อย ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากประชาชนมีการปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะโดยตรง ดังนั้นประชาชนจะต้องสร้างบ่อบำบัดหรือถังกักเก็บน้ำเสีย ก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้น ก่อนที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาทั้งระบบ ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล

นางภารดี จงสุขธนามณี รองประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น หลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ-ประชาชน และผู้ประกอบการภาคเอกชน จะต้องเข้ามาร่วมมือแก้ไขปัญหาดังกล่าว เนื่องจากทุกฝ่ายเป็นผู้สร้างปัญหาขึ้นก็ต้องมาร่วมกันแก้ปัญหา เพราะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งจะเข้ามาแก้ปัญหาเพียงฝ่ายเดียวนั้นคงไม่ได้ โดยจะต้องร่วมกัน และต้องเร่งดำเนินการโดยเร็ว เพราะปัญหาเริ่มส่งผลกระทบเป็นวงกว้างแล้ว