xs
xsm
sm
md
lg

บีโอไอชี้ช่องนักลงทุนอออกนอก ปท.-จับตานโยบาย รบ.หวั่นกระทบการลงทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - บีโอไอเดินสายพบนักลงทุนภาคเหนือที่เชียงใหม่ ตั้งเป้ารับฟังความต้องการก่อนจัดทำนโยบาย ที่ผ่านมา เร่งทำตามข้อเสนอแนะแล้วหลายเรื่อง ด้านสถานการณ์การลงทุน พยายามหนุนนักลงทุนมองการลงทุนนอกประเทศ เหตุต้นทุนต่ำ ทรัพยากร-แรงงานมากกับหันใช้แรงงานทักษะให้มากขึ้น ส่วนนโยบายภาครัฐรอดูอยู่ว่ากระทบมาก-น้อยแค่ไหน

วันนี้ (18 ส.ค.) ที่ห้องคอนเวนชั่น 1 โรงแรมเลอ เมอริเดียน จ.เชียงใหม่ ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 1 ได้จัดการประชุม “ผู้บริหารบีโอไอพบรักลงทุนต่างชาติในภาคเหนือ” ขึ้น โดยมีนายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เป็นประธานและกล่าวบรรยายภายในงาน

การจัดการประชุมในครั้งนี้ มีขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนชาวต่างชาติในเขตภาคเหนือได้รับทราบข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งแลกเปลี่ยนความเห็นกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เพื่อนำไปสู่การให้การสนับสนุนในด้านการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่บีโอไอจะได้รับทราบปัญหาและความต้องการต่างๆ ของนักลงทุน เพื่อที่จะนำไปใช้ในการจัดทำนโยบายด้านการส่งเสริมการลงทุน รวมทั้งปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคในการลงทุน รวมทั้งตรวจสอบความพึงพอใจของนักลงทุนต่อมาตรการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ได้มีการนำเสนอในปีที่ผ่านมาด้วย ซึ่งจากข้อเสนอของนักลงทุนในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาแรงงาน การจัดสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคต่างๆ นั้น ก็ได้มีการดำเนินการไปแล้ว

สำหรับสถานการณ์ด้านการลงทุนของประเทศไทยในปัจจุบันนั้น โดยเฉพาะหลังจากการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่นั้น รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกล่าวว่า ภาระหน้าที่ต่างๆ ในการส่งเสริมการลงทุนยังคงดำเนินการไปตามปกติ โดยจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษในกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ ที่ยังไม่มีการลงทุน หรือในธุรกิจที่มีความน่าสนใจและสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาของประเทศ เช่น ในกลุ่มเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ เป็นต้น

นอกจากนี้ บีโอไอยังได้กระตุ้นให้นักลงทุนให้ความสนใจในการออกไปลงทุนยังต่างประเทศให้มากขึ้น เนื่องจากพื้นที่หลายแห่งมีความเหมาะสม ทั้งในเรื่องของวัตถุดิบ แรงงาน และโอกาสทางการตลาด อีกทั้งในแง่ของการผลิตนั้นไม่จำเป็นว่าจะต้องผลิตในประเทศเท่านั้น แต่ควรจะมองหาพื้นที่ที่มีต้นทุนต่ำเพื่อสร้างโอกาสทางการแข่งขันมากกว่า

ที่ผ่านมา บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งมีการออกไปลงทุนตั้งฐานการผลิตในต่างประเทศอยู่แล้ว แต่บีโอไอตั้งเป้าที่จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กได้มองหาลู่ทางในการออกไปลงทุนในต่างประเทศด้วย โดยพื้นที่ที่มีความเหมาะสมได้แก่กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม กลุ่มประเทศในอาเซียนอย่างอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ หรือประเทศในทวีปแอฟริกา อเมริกากลางและอเมริกาใต้

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังได้แสดงความเป็นห่วงถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะฝีมือ โดยได้ขอให้ภาครัฐเร่งสนับสนุนการพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อเพิ่มจำนวนแรงงานในส่วนนี้ให้มากขึ้น ขณะที่บีโอไอได้เสนอแนะให้ภาคอุตสาหกรรมหันมาเน้นการใช้แรงงานที่มีทักษะฝีมือเพิ่มมากขึ้น หรือนำเทคโนโลยีทางการผลิตใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพเข้ามาใช้แทนการมุ่งเน้นแต่อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานทั่วไปเป็นหลัก

ส่วนกรณีนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะการขึ้นค่าจ้างแรรงงานขั้นต่ำเป็น 300 บาทนั้น นายโชคดีกล่าวว่า ผลกระทบในเรื่องดังกล่าวจะตกอยู่กับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กมากกว่าผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่มีการจ่ายค่าจ้างสูงกว่าอัตราดังกล่าวอยู่แล้ว จากการสอบถามกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย ระบุว่า นโยบายดังกล่าวจะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการยังมองว่า แม้ค่าแรงจะเพิ่มสูงขึ้น แต่หากประสิทธิภาพในการทำงานและผลผลิตเพิ่มขึ้นตามไปด้วยก็ไม่น่าจะมีปัญหา

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า รัฐบาลคงจะต้องดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวอย่างแน่นอน ซึ่งก็คงจะต้องติดตามดูในเรื่องมาตรการดำเนินการและการเยียวยาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นของรัฐบาลว่าจะเป็นไปในทิศทางใด อย่างเช่น กรณีการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น บีโอไอคงต้องพิจารณาด้วยว่ามีผลต่อการส่งเสริมการลงทุนหรือไม่ และจะต้องมีการปรับลดสิทธิประโยชน์ในส่วนใดบ้างเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
กำลังโหลดความคิดเห็น