“เชียงใหม่ ซู อควาเรียม” จ่อบันทึกสถิติอยู่สูงสุดในโลก

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “เชียงใหม่ ซู อควาเรียม” ดึง “กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด” ตรวจสอบรับรองเพื่อบันทึกสถิติโลกเป็นอควาเรียมที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในโลกเหนือระดับน้ำทะเล เชื่อ หากไร้ข้อปัญหาขัดข้องน่าจะได้รับการบันทึกสถิติพร้อมใช้เป็นจุดขายใหม่ดึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเพิ่ม หลังช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบหนักจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง จนต้องรับภาระขาดทุนรวมแล้วกว่า 40 ล้านบาท

นายนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มารีนสเคป ประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นผู้บริหารสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ “เชียงใหม่ ซู อควาเรียม” เปิดเผยว่า ในช่วงเดือน ก.ย.2554 คาดว่า เจ้าหน้าที่ของ “กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด” (Guinness World Records) จะเดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากในช่วงที่ผ่านมาทาง “เชียงใหม่ ซู อควาเรียม” ได้ติดต่อประสานงานกับ “กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด” เพื่อให้มาบันทึกสถิติว่า “เชียงใหม่ ซู อควาเรียม” ซึ่งตั้งอยู่ที่ความสูง 400 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เป็นอควาเรียมหรือสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ที่ตั้งอยู่บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเลมากที่สุดในโลก

สำหรับการเดินทางมาของเจ้าหน้าที่ “กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด” นายนฤทัต กล่าวว่า เพื่อดูสถานที่จริงและทำการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ของ “เชียงใหม่ ซู อควาเรียม” ในเบื้องต้นก่อนเพื่อประกอบการนำไปพิจารณาการยื่นขอการจดและรับรองบันทึกสถิติโลก ซึ่งหากการดำเนินการทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีปัญหาอุปสรรคใดๆ แล้ว เชื่อว่า “เชียงใหม่ ซู อควาเรียม” น่าจะได้รับการบันทึกสถิติโลกว่าเป็นอควาเรียมที่ตั้งอยู่บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเลมากที่สุดในโลกอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ หากได้รับการบันทึกสถิติโลกดังกล่าว รองประธานกรรมการ บริหาร บริษัทมารีนสเคป ประเทศไทย จำกัด คาดหวังว่า จะทำให้ “เชียงใหม่ ซู อควาเรียม” เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่จะเดินทางมาเที่ยวชมมากยิ่งขึ้น เพราะจะกลายเป็นอีกหนึ่งจุดดึงดูดใจ นอกเหนือจากการเป็นอควาเรียมที่มีการรวบรวมพันธุ์สัตว์น้ำหายาก ทั้งน้ำจืดและน้ำทะเลไว้มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และมีอุโมงค์ใต้น้ำยาวที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ขณะเดียวกัน นายนฤทัต เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา “เชียงใหม่ ซู อควาเรียม” ต้องประสบปัญหานักท่องเที่ยวลดลงและแบกรับภาระขาดทุนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีจุดที่น่าสนใจมากมายก็ตาม ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากปัญหาทางการเมืองและความขัดแย้งต่างๆ ในประเทศไทยตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวลดลงอย่างมาก โดยนับเฉพาะในช่วงที่ผ่านมาของปี 2554 ต้องรับภาระขาดทุนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1 ล้านบาท และมียอดขาดทุนสะสมตลอดช่วงที่ผ่านมารวมแล้วสูงถึงประมาณ 40 ล้านบาท

“ทุกวันนี้เราแบกรับภาระขาดทุนสะสมรวมๆ แล้วประมาณ 40 ล้านบาท นับเฉพาะปีนี้ ขาดทุนเฉลี่ยเดือนละ 1 ล้านบาท แม้จะพยายามลดค่าใช้จ่ายทุกอย่างลงแล้ว แต่สามารถลดค่าใช้จ่ายจากเดือนละ 5 ล้านบาท ลงได้เต็มที่เหลือเพียง 4 ล้านบาทเท่านั้น เพราะค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นค่าเลี้ยงดูสัตว์ที่ต้องทำให้ดีที่สุดและไม่สามารถลดลงไปได้มากกว่านี้แล้ว” นายนฤทัต กล่าว

รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มารีนสเคป ประเทศไทย จำกัด กล่าวถึงถึงปัญหาผลกระทบดังกล่าวที่เกิดขึ้นว่า อยากเรียกร้องให้ทางภาครัฐ และหน่วยงานด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นบ้าง เพราะ “เชียงใหม่ ซู อควาเรียม” เป็นโครงการที่บริษัทเข้ามาลงทุนร่วมกับองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยคาดหวังให้เป็นจุดขายและส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ดังนั้นเมื่อประสบปัญหาจึงน่าจะได้รับการเหลียวแลและเยียวยาผลกระทบความเสียหายบ้าง

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ได้เคยยื่นหนังสือไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา และทำหนังสือร้องขอไปยังบอร์ดขององค์การสวนสัตว์ฯ เพื่อให้พิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการลดผลตอบแทนที่ “เชียงใหม่ ซู อควาเรียม” จะต้องจ่ายให้องค์การสวนสัตว์ฯ ลงจากร้อยละ 35 ของรายได้ที่ยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายเหลือร้อยละ 20 ซึ่งในส่วนของผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ได้มีความเห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะมีมาตรการเยียวยาให้ความช่วยเหลือ แต่ในส่วนของบอร์ดองค์การสวนสัตว์ฯ ยังไม่มีการตอบรับในเรื่องนี้แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม นายนฤทัต กล่าวว่า หลังจากที่ นายภิมุข สิมะโรจน์ เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ คนใหม่ ก็ได้มีการเข้าปรึกษาหารืออย่างไม่เป็นทางการเกี่ยวกับการขอความช่วยเหลือดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งเบื้องต้นทางนายภิมุข ได้รับปากจะพิจารณาหาทางช่วยเหลือเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นให้กับทาง “เชียงใหม่ ซู อควาเรียม” จึงรู้สึกคลายความกังวลลงไประดับหนึ่ง