นครพนม - หัวหน้าด่านกักสัตว์นครพนม ยัน เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องรัดกุมก่อนจะส่งคืนสุนัขที่เจ้าของแจ้งสูญหาย หวั่น 18มงกุฎแฝงตัวแจ้งหายแล้วเลือกเฉพาะสุนัขพันธุ์ดีราคาแพงไปขายต่อ ได้ราคาสูง 3-4 พันบาท/ตัว ขณะที่บางรายขอไปแล้วนำไปชำแหละเป็นอาหาร เผยยอดบริจาคจ่อทะลุ 10 ล้าน
วันนี้ (18 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังข่าวการตรวจยึดสุนัขที่นครพนม เป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก ส่งผลให้ประชาชนคนรักสุนัขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทราบข่าว ต่างระดมนำอาหารและบริจาคเงินเข้าบัญชีช่วยเจ้าตูบไม่ขาดสาย และยังวนเวียนไปที่ด่านกักกันสัตว์ฯ เพื่อสอดส่องดูในกรงขังว่าใช่สุนัขที่สูญหายพลัดพรากไปหรือไม่
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จากกรมปศุสัตว์ยังระดมสัตวแพทย์ เร่งช่วยเยียวยารักษาอาการสุนัขที่บาดเจ็บต่อเนื่อง ส่วนทหารอาสา นพค.22 นทพ.อ.นาแก เองก็ได้ขยายสร้างกรงขังให้แข็งแรง แยกสุนัขออกเป็นสัดส่วนหวั่นติดเชื้อตายเพิ่ม
นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หัวหน้าทีมยึดหมาข้ามโขงล็อตนี้ กล่าวว่า ขณะนี้มียอดเงินหลั่งไหลบริจาคเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาโลตัส (ออมทรัพย์) ชื่อบัญชี “กองทุนช่วยเหลือสุนัขจังหวัดนครพนม” หมายเลขบัญชี 666-0097-947 ยอดล่าสุด 7,936,967 บาท จากวานนี้ (17 ส.ค.) มีเงินบริจาคเข้ามา 2.5 ล้านบาท มียอดพุ่งเพิ่มขึ้นกว่า 5 ล้านบาท
ส่วนอีกบัญชีในชื่อบัญชีเดียวกัน แต่เป็นบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขานครพนม หมายเลข 408-6052-849 (กระแสรายวัน) มียอดบริจาค 1,821,147.68 บาท รวม 2 บัญชียอดรวม 9,758,115.64 บาท ขณะที่มีอาหารสุนัขมากกว่า 2 ตัน
ด้าน พ.อ.เชาวลิต พบจันจัด รองผบ.นพค.22 นทพ. อ.นาแก จ.นครพนม เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ดุลยกฤต รักเผ่า ผบ.นทพ.อ.นาแก นำทหาร 15 นาย อาสามาช่วยผู้ว่าฯดูแล โดยนำรถแบ็กโฮขุดฝังซากสุนัขที่ทยอยล้มตายแต่ละวัน นำอุปกรณ์ท่อเหล็ก ตะแกรง ตาข่ายเหล็ก สะแลนกันแดด มาซ่อมแซมเป็นสัดส่วน พร้อมฉีดพ่นอีเอ็ม วันละ 3 รอบ ดับกลิ่นฆ่าเชื้อในคอก ฉีดใส่ตัวสุนัขฆ่าเชื้อดับกลิ่น ถ้าเป็นขี้เรื้อนจะหาย โดยฉีดใส่ลงในอาหารเม็ด มูลสุนัขจะไม่เหม็น ทั้งนี้ ประชาชนที่ต้องการจะบริจาคอุปกรณ์เพิ่มเติมติดต่อ โทร.04-2571-191
นายชูศักดิ์ พงษ์พานิชย์ หัวหน้าด่านกักสัตว์ จ.นครพนม ระบุว่า ณ ขณะนี้มียอดสุนัขของกลางเหลืออยู่จำนวน 985 ตัว (ไม่นับสุนัขแรกเกิด) ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ช่วงเช้าตายเพิ่มอีก 5 ตัว หลังเกิดจากภาวะความอ่อนแอของสัตว์ ซึ่งได้เร่งแบ่งซอยคอกเป็นสัดส่วน แยกตัวที่ป่วย พักฟื้น และคอกแม่สุนัขที่ออกลูกแรกเกิดออกจากกัน หลังมีแม่สุนัข 2 ตัว ท้องแก่ตัวหนึ่งออกลูก 9 ตัว ตาย 8 ตัว ช่วยชีวิตได้ 1 ตัวส่วนแม่ปลอดภัย อีกตัวออกลูก 8 ตัว เหลือ 5 ตัว ส่วนแม่ตายหลังมีอาการอ่อนแอหนัก
สำหรับประชาชนที่จะมาขอสุนัขไปเลี้ยง ต้องรอคดีความเสร็จสิ้นศาลตัดสิน หรือเจ้าของสุนัขที่มาพบในคอกถึงจะสามารถนำสุนัขกลับได้
นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ต้องพิจารณารอบด้านและรัดกุม เพราะคนมาขอสุนัขและมาแจ้งว่าสุนัขของตนหายนั้นมีหลายรูปแบบ บางคนมีการแอบแฝงในคราบผู้ใจบุญมาแจ้งว่า มีสุนัขของตนอยู่ในคอกแต่จะเลือกเฉพาะสุนัขพันธุ์ดี รูปทรงสวยสมบูรณ์ มีราคาแพง เมื่อได้ไปแล้วก็นำไปขายต่อตัวละ 3,000-4,000 บาท บ้างก็ทำทีมาแจ้งขอสุนัขไปเลี้ยงที่บ้าน
แต่มาทราบทีหลังว่าได้เอาไปฆ่าชำแหละกินเป็นอาหาร พฤติกรรมลักษณะเช่นนี้ ต้องระมัดระวังทุกขั้นตอน ยกตัวอย่างมาแจ้งว่า เป็นสุนัขของตนที่สูญหายมีหลักฐานภาพถ่ายไหม
“หากไม่มีภาพถ่ายเป็นหลักฐานก็ต้องพิสูจน์ด้วยสัญชาตญาณ ระหว่างเจ้าของกับสุนัข ซึ่งมันจะมีสัมผัสที่ 6 ออกมาให้เห็นระหว่างความรักที่มีต่อกัน หรือให้เจ้าของจับอุ้ม สุนัขใช้ลิ้นเลียเจ้าของเหมือนเคยอยู่ด้วยกันหรือไม่ และคนที่มาขอสุนัขไปเลี้ยงเราต้องดูว่าเขาจะเลี้ยงได้หรือไม่ ต้องการเลี้ยงจริงๆหรือเปล่า”นายชูศักดิ์อธิบาย
นายโรเจอร์ โลหนันท์ เลขาธิการสมาคมพิทักษ์สัตว์ กล่าวเสริมว่า กรณีที่ใครจะมาขอสุนัขของกลางที่คดียังไม่สิ้นสุดนั้น ไม่ใช่แค่บีบน้ำตาออกทีวีก็จะได้รับกลับคืนไป เช่นหญิงคนหนึ่ง ที่สงสัยว่าสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ชื่อ “เจ้าถุงเงิน”ที่หายไป แต่กลับกลายเป็นว่าต่อมาเจ้าของตัวจริงเขานำภาพถ่ายหลักฐานมาขอรับคืน มีหลักฐานชัดเจน เป็นเรื่องโอละพ่อ เจ้าถุงเงินที่ว่าเกือบหนีเสือปะจระเข้ไปแล้ว