xs
xsm
sm
md
lg

นาข้าวพิจิตรจมน้ำแล้วหลายหมื่นไร่-ระดมฝีพายช่วยลงแขกเกี่ยวข้าววุ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พิจิตร - ลุ่มน้ำน่านและลุ่มน้ำยม เจอน้ำเหนือไหลบ่าเอ่อล้นตลิ่ง แถมน้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ไหลเทกระหน่ำซ้ำ ทำนาข้าวนับหมื่นไร่จมใต้น้ำ ชาวนาระดมชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านที่เป็นฝีพายเรือศรทอง ช่วยกันลงแขกเกี่ยวข้าวช่วงเช้า พอตกบ่ายค่อยลงสนามซ้อมพายเรือ

วันนี้ ( 5 ส.ค.) นายชำนาญ ภู่นิ่ม อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 หมู่ 6 บ้านวังอ้ายนุ้ย ต.บ้านบุ่ง อ.เมือง จ.พิจิตร เปิดเผยว่า ทำนา 30 ไร่ ปลูกข้าวพันธุ์ กข.41 ต้นข้าวตั้งท้องออกรวงแก่เต็มที่อายุครบ 105 วันพอดี ตั้งใจรอรถเกี่ยว และเห็นกำไรเงินแสนอยู่ข้างหน้า แต่แล้วเพียงแค่ 2 วัน ก็เกิดน้ำป่าไหลหลากมาจากภาคเหนือเอ่อล้นตลิ่งแม่น้ำน่าน-น้ำยม อีกทั้งมีน้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ไหลเทซ้ำลงมา ทำให้นาข้าวของเขา และเพื่อนบ้านที่ตั้งท้องออกรวงนับพันไร่ ต้องจมอยู่ใต้น้ำ จะปล่อยทิ้งก็ขาดทุนเห็นๆ จะไปหาคนงานเกี่ยวข้าวก็หาไม่ได้ ไม่มีใครมารับจ้างอีกทั้งก็เรียกค่าแรงสูงถึง 200-300 บาท จึงตัดสินใจไม่ว่าจ้าง

สุดท้ายจึงหันไปขอให้ลูกชาย และบรรดาฝีพายเรือศรทอง ทีมแข่งเรือประจำหมู่บ้าน ที่เก็บตัวฝึกซ้อมพายเรือยาวกับอาจารย์เบื๊อก ปราชญ์ชาวบ้านเรื่องการแข่งขันเรือยาว และมีฝีพายในสังกัดกว่า 60 คน ให้ช่วยกันมาลงแขกเกี่ยวข้าว ซึ่งถ้าขายข้าวเปลือกได้เงิน ก็จะแบ่งให้เอาไว้เป็นทุนซ้อมพายเรือ

ทุกคนต่างพร้อมใจกันมาช่วยเกี่ยวข้าวในตอนเช้า และพอตอนบ่าย ก็ไปซ้อมพายเรือยาวเพื่อเตรียมแข่งขันกันที่แม่น้ำน่าน หน้าวัดท่าหลวง พระอารามหลวง ที่จะมีขึ้นในวันที่ 2-4 ก.ย.54 นี้ ซึ่งเรือศรทองนี้เคยเป็นเรือที่ครองแชมป์ถ้วยพระราชทานของในหลวงมาแล้วหลายสมัย

ด้านนางวราพร ส้มแก้ว อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 หมู่ 6 บ้านวังอ้ายนุ้ย ต.บ้านบุ่ง อ.เมือง จ.พิจิตร ซึ่งมีสามีและพ่อเป็นฝีพาย “เรือศรทอง” กล่าวว่า ทั้งพ่อและสามี มาช่วยลุงชำนาญ เกี่ยวข้าวที่กำลังจะจมน้ำทุกคนมาด้วยใจ เห็นเพื่อนบ้านมีความทุกข์ ก็ต้องมาช่วยกันลงแขกเกี่ยวข้าว เพราะเห็นข้าวในท้องทุ่งสุกเหลืองเหมือนทองคำ ครั้นจะทิ้งไว้ให้เน่าเสียโดยไม่เก็บเกี่ยวชาวนาชนบท ก็ถือว่าเป็นการเนรคุณแม่โพสพที่เห็นแล้วไม่ช่วยเหลือหรือไม่สู้ให้สุดฤทธิ์ ปล่อยทิ้งให้ถูกน้ำท่วมแล้วจะไปหวังเงินชดเชยจากรัฐบาลไร่ละ 606 บาท ก็ไม่คุ้มกัน

ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันมาลงแขกเกี่ยวข้าวด้วยการยอมเอาตัวลงแช่น้ำที่สูงเคียงหน้าอกและต้องพายเรือเกี่ยวข้าว เพราะพวกเรามีน้ำใจคนไทยย่อมไม่ทิ้งกันเมื่อยามที่เพื่อนบ้านมีภัย

ในส่วนของ นายสัลเลข คำใจ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิจิตร และ ศูนย์อำนวยการเฉาพะกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม จังหวัดพิจิตร สรุปสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ระหว่างวันที่ 2-5 สิงหาคม 2554 เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่อ่อนกำลังลงจากพายุดีเปรสชั่น “นกเตน” ปกคลุมภาคเหนือ ตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.54 เป็นต้นมา

ส่งผลให้ฝนตกติดต่อกันหลายวัน เป็นเหตุให้เกิดน้ำไหลหลากและเอ่อท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ 37 ตำบล 175 หมู่บ้าน พื้นที่ทางการเกษตรนาข้าวได้รับผลกระทบ 81,177 ไร่ พืชสวน 5 ไร่ บ่อปลาได้รับความเสียหาย 6 บ่อ ถนนลูกรัง ชำรุด 8 สาย ท่อระบายน้ำ 3 แห่ง ราษฎรได้รับผลกระทบจำนวน 5,843 ครัวเรือน

ล่าสุด พื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำยม น้ำเอ่อล้นสูงกว่าตลิ่งแล้ว 34 ซม. และไหลบ่าเข้าท่วมในพื้นที่ทั้งสองฝั่งในที่ลุ่ม อีกทั้งระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีพื้นที่ถูกน้ำท่วม เฉพาะเขตลุ่มน้ำยม 3 อำเภอ 16 ตำบล 95 หมู่บ้าน ซึ่งสามอำเภอ ประกอบด้วย อำเภอสามง่าม อำเภอบึงนาราง และอำเภอโพทะเล ระดับน้ำที่สถานีวัดน้ำ Y17 สามง่าม อยู่ที่ 5.98 เมตร โดยในวันนี้ (5 ส.ค.54)น้ำเพิ่มขึ้น 8 เซนติเมตร และที่สถานีวัดน้ำ Y5 โพทะเล ระดับน้ำ 6.95 เมตร เท่ากับจุดวิกฤติเสมอขอบตลิ่ง ซึ่งวันนี้น้ำเพิ่มขึ้น 4 เซนติเมตร

ส่วนแม่น้ำน่านมีระดับสูง มีผลให้พื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำเกิดน้ำท่วม 3 อำเภอ 21 ตำบล 80 หมู่บ้าน คือ อำเภอเมืองพิจิตร อำเภอตะพานหิน และอำเภอบางมูลนาก ระดับน้ำที่สถานีวัดน้ำ N 7A อำเภอเมืองพิจิตร วัดได้ 10.18 เมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติ 3 เซนติเมตร แต่วันนี้ น้ำเพิ่มขึ้น 15 เซนติเมตร ที่สถานีวัดน้ำ N 8A บางมูลนาก ระดับน้ำ 10.64 เมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติ 23 เซนติเมตรวันนี้น้ำเพิ่มขึ้น 25 เซนติเมตรจึงส่งผลให้ที่ลุ่มต่างๆนาข้าวต้องถูกน้ำท่วม แต่พื้นที่อยู่อาศัยยังไม่มีรายงานความเสียหายมากนัก ส่วนถนนหนทางการคมนาคมยังสามารถใช้การได้เป็นปกติ




กำลังโหลดความคิดเห็น