xs
xsm
sm
md
lg

เจ็ตสกีพัทยาฉาว ตั้งแก๊งขูดรีดนักท่องเที่ยวสร้างความเสียหายเมืองท่องเที่ยว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวศรีราชา- เจ็ตสกีพัทยาฉาวตั้งแก๊งขูดรีดนักท่องเที่ยว ด้านเมืองพัทยาตื่น เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาด่วน พร้อมจัดทำทะเบียนประวัติ และจัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยหวั่นเกิดปัญหาซ้ำซาก

วันนี้ (26 ก.ค.) ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายเชาวลิต แสงอุทัย นายอำเภอบางละมุง เป็นประธานการประชุมร่วมกับคณะผู้บริหารเมืองพัทยา หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง องค์กรภาคธุรกิจการท่องเที่ยว และผู้ประกอบการเรือเจ็ตสกีเมืองพัทยา ทั้งนี้ เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ด้านภาพลักษณ์การท่องเที่ยว หลังจากที่มีสื่อสารมวลชนนำเผยแพร่ภาพข่าวเกี่ยวกับกลุ่มขบวนการกรรโชกทรัพย์นักท่องเที่ยว โดยแฝงมาในคราบของผู้ประกอบการเรือเจ็ตสกีชายหาดพัทยา ซึ่งพบว่าสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์และการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาอย่างรุนแรง

นายสุนทร รัตนวราหะ ปลัดเมืองพัทยา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมืองพัทยาต้องประสบกับปัญหาการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาเกิดเหตุจมน้ำเสียชีวิต บริเวณเขตว่ายน้ำ บนเกาะล้าน และมีการเรียก ร้องให้เมืองพัทยาเข้ามารับผิดชอบ โดยระบุว่านักท่องเที่ยวจมน้ำในเขตเซฟตี้โซน ซึ่งตามหลักสากลแล้วจะต้องมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าช่วยเหลือ ดังนั้น เมื่อไม่มีการดำเนินการจึงถือว่าเป็นการปล่อยปละละเลย

กรณีดังกล่าวแม้ว่าความเป็นจริงแล้วเมืองพัทยา จะชี้แจงว่า ไม่ได้เป็นตามคำเรียกร้อง แต่เพื่อยุติปัญหาและเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อเมืองพัทยา จึงมีการอนุมัติเงินกองทุนจำนวน 5 หมื่นบาทและเงินสมทบจากนายกเมืองพัทยาอีก 5 หมื่นบาท เพื่อเข้าช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตเพื่อให้เรื่องยุติ

ปรากฏว่า ขณะนี้กลับมีสื่อสารมวลชนส่วนกลางนำเผยแพร่ภาพ เกี่ยวกับขบวนการกรรโชกทรัพย์นักท่องเที่ยวจากกลุ่มหรือขบวนการของผู้ประกอบการเรือเจ็ตสกี บริเวณชายหาดเมืองพัทยา โดยชี้ว่ามีการทำงานร่วมหลายส่วนทั้งผู้ประกอบการ มัคคุเทศก์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งถือว่าสร้างความเสียหายอย่างมาก เมืองพัทยาจึงได้ร่วมกับอำเภอบางละมุงและทุกภาคส่วนเพื่อหาแนวทางแก้ไขเร่งด่วน

ด้านนายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า สำหรับการประกอบกิจการเรือเจ็ตสกีนั้น จากการตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว พบว่า ตามกฎหมายไม่สามารถดำเนินการประกอบธุรกิจได้ในที่สาธารณะ เนื่องจากเข้าข่ายเรือสำราญและกีฬา ซึ่งต้องมีการจัดพื้นที่โดยเฉพาะ จึงถือว่าผิดกฎหมาย แต่เมื่อมีผู้ประกอบการมากและเป็นเมืองท่องเที่ยวเมืองพัทยาจึงได้อะลุ่มอล่วยและอนุเคราะห์ให้ดำเนินการอยู่ได้ แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นเมืองพัทยาก็คงต้องเข้ามาดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นความเสียหายและเป็นเรื่องที่ยินยอมให้ไม่ได้

หลังจากนี้ คงจะมีการเรียกประชุมในส่วนของผู้ประกอบการโดยเฉพาะเขตชายหาดพัทยา ที่มีเรืออยู่จำนวน 414 ลำ เพื่อมาจัดทำประวัติและออกกฎระเบียบบังคบที่ชัดเจน พร้อมจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจเพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากนักท่องเที่ยว ในการเข้ามาตรวจสอบเมื่อเกิดปัญหาอย่างจริงจังต่อไป

ขณะที่นายเชาวลิต กล่าวว่า สำหรับเรือเจ็ตสกีเมื่อไม่มีกฎหมายรองรับ ก็ต้องดำเนินธุรกิจด้วยความสุจริตไม่สร้างปัญหาด้วยการขูดรีด หรือข่มขู่นักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้วภาครัฐเองก็คงจะนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้ โดยจากนี้จะทำการจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจ ซึ่งรวมเอาตัวแทนจากเมืองพัทยา อำเภอบางละมุง และเจ้าท่า เข้ามาควบคุม โดยจัดทำประวัติเพื่อการตรวจสอบ การมอบหมายให้เมืองพัทยาทำป้ายประชาสัมพันธ์เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้แจ้งเหตุหากเกิดปัญหา โดยจะจัดตั้งชุดไกล่เกลี่ยเคลื่อนที่มาเป็นคนกลางในการแก้ปัญหาข้อพิพาท

เหตุที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นคดีแพ่งที่สามารถไกล่เกลี่ยยอมความได้ แต่หากเป็นเรื่องที่มีการเรียกราคาเกินจริงก็จะถือว่าเป็นการกรรโชกทรัพย์ ที่เข้าข่ายคดีอาญาซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องเข้ามาร่วมดำเนินการด้วย ขณะที่เหตุที่เกิดขึ้นนั้นก็จะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดและผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินการให้ได้ เพื่อเป็นตัวอย่าง และเป็นการแสดงให้สังคมมองเห็นว่าอำเภอบางละมุง และเมืองพัทยาไม่ได้ปล่อยปละละเลยแต่อย่างใด

ขณะที่ ที่ตึกรักษ์วินัย สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พล.ต.ต.เธนตร์ พิณเมืองงาม ผบก.ภ.ชลบุรี เป็นประธานการประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ด่านตรวจคนเข้าเมืองชลบุรี เจ้าท่าภูมิภาคเมืองพัทยา และตัวแทนเมืองพัทยา เพื่อร่วมหารือเกี่ยวกับวิกฤติการณ์ด้านการท่องเที่ยวจากปัญหาผู้ประกอบการเรือเจ็ตสกีชายหาด ที่มีขบวนการข่มขู่ ขูดรีด และกรรโชกทรัพย์นัก ท่องเที่ยว จนมีการนำภาพออกเผยแพร่ตามสื่อสารมวลชนและสื่อสาธารณะไปทั่วโลก

พล.ต.ต.เธนตร์ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นถือว่าสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวอย่างรุนแรง รวมทั้งภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เมื่อมีการระบุว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามภาพที่นำเผยแพร่ดังกล่าว เป็นภาพที่โพสต์โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติและมีการเผยแพร่มานานกว่า 2 ปีแล้ว ก่อนที่จะมีการนำไปทำเป็นประเด็นข่าวเพื่อนำเสนอ โดยคดีนี้ที่ผ่านมาก็ได้มีการเรียกสอบสวนผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว ทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พบว่าไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการนั้น ขณะที่ผู้ก่อเหตุนั้นก็ได้หลบหนีออกจากพื้นที่ไปนานแล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจและเพื่อป้องกันเหตุ ที่อาจเกิดซ้ำซ้อนขึ้นอีก จึงได้มีการประชุมร่วมเพื่อหาแนวทางแก้ไข โดยเบื้องต้นจะมีการจัดตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อเฝ้าระวังและรับแจ้งเหตุจากประชาชนและนักท่องเที่ยว ตามบริเวณแนวชายหาดอย่างจริงจัง พร้อมร่วม กับเมืองพัทยาในการจัดทำประวัติและออกกฎระเบียบข้อบังคับ ในส่วนของผู้ประกอบการที่เข้มงวดชัดเจนมากขึ้น ซึ่งคาดว่าคงจะสามารถแก้ไขปัญหาไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กำลังโหลดความคิดเห็น