นครพนม - นครพนมระดับน้ำโขงสูงขึ้นอีกครั้ง หลังฝนตกชุกหลายวันติดต่อกัน ขณะที่นาข้าวปลูกใหม่เขตชานเมืองเริ่มเน่าตายนับ 100 ไร่ เผยส่วนหนึ่งเป็นเพราะนายทุนกว้านซื้อที่รับสะพานข้ามโขงแล้วถมที่สร้างโกดังสินค้า ทำให้พื้นที่รับน้ำเหลือน้อย หลังถูกน้ำท่วมขังนับอาทิตย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ฝนตกซุกนานนับอาทิตย์ติดต่อกัน ส่งผลให้ระดับน้ำโขงสูงขึ้นอีกระลอก โดยล่าสุดที่จังหวัดนครพนมวัดระดับน้ำได้ 9.50 เมตร ทำให้น้ำป่าตามลำห้วยระบายลงสูงน้ำโขงยากลำบาก ส่งผลกระทบให้เกษตรกรทำนาในเขตชานเมืองเทศบาลนครพนมเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากต้นข้าวเพิ่งปักดำใหม่แล้วเสร็จแต่ยังไม่แข็งแรง แต่ก็มาถูกน้ำท่วมขังนานนับอาทิตย์ส่งผลให้นาข้าวเกิดเน่าเปื่อยเสียหายนับ 100 ไร่ ซึ่งเกษตรกรต้องใช้วิธีปักดำใหม่ทดแทนๆ ข้าวที่เน่าตาย
นางคำดี ดวงสงค์ ชาวนารายหนึ่งในเขตชานเมืองเทศบาลเมืองนครพนม เปิดเผยว่า ตนมีแปลงนาในเขตชานเมืองประมาณ 30 ไร่อยู่ในเขตติดถนนเลี่ยงเมืองสายนครพนม-ท่าอุเทน ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา พอเข้าสู่หน้าฝนก็สามารถทำนาตามปกติ แต่ผลกระทบต่อในทำนาเริ่มเกิดขึ้นเมื่อ 1-2 ปีมานี้เอง ถือว่ามัปัญหาหนักสุด หลังจากโครงการสร้างสะพานข้ามโขงเกิดขึ้น ทำให้นักธุรกิจมาซื้อที่ดินเขตชานเมืองมากขึ้น และทำการถมที่เพื่อตั้งอาคารโกดังสินค้า ทำให้พื้นที่รับน้ำน้อยลงประกอบกับไม่มีที่ระบายน้ำ ส่งผลให้เมื่อฝนตกลงมาน้ำจะท่วมเร็วและเกิดน้ำท่วมขัง
ปีนี้พวกตนปักดำนา 2 รอบแล้วแต่ก็ต้นข้าวก็เน่าตายทั้ง 2 ครั้งเช่นกัน เนื่องจากเกิดน้ำท่วมขังทั้ง 2 รอบ หลังเกิดฝนตกชุกแต่ละครั้งนานร่วมสัปดาห์ ซึ่งก็คิดว่าจะปักดำนาเป็นรอบที่ 3 อีกครั้งถ้าไม่เกิดน้ำท่วมขังก็โชคดีไป แต่เกษตรกรหลายรายก็งดปักดำนาต่อเพราะค่าใช้จ่ายสูงมาก ตั้งแต่จ้างไถและจ้างมาปักดำนาคนละ 300 บาท/วัน
สาเหตุที่ค่าจ้างดำนาพุ่งถึง 300 บาทนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมาที่พรรคเพื่อไทยชูนโยบายค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท ทำให้ผู้รับจ้างโก่งค่าตัวสูงขึ้น จากเดิมหลายปีที่ผ่านมาค่าจ้างดำนาก็สูงอยู่แล้วเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 250 บาท/วัน ยิ่งนโยบายหาเสียงของนักการเมืองสัญญาว่าจะเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำดังกล่าว ยิ่งทำให้กลุ่มคนรับจ้างรายวันใช้เป็นข้ออ้าง
