ส.พิทักษ์สัตว์ลุยนครพนม-สกลฯ ติดตามปัญหาค้าสุนัขข้ามชาติ

นครพนม - ตัวแทนสมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย นำปศุสัตว์-ตำรวจ ลงพื้นที่ติดตามปัญหาลักลอบค้าสุนัขข้ามชาติ หลังมีข่าวนครพนมเป็นจุดพักสุนัข ก่อนส่งข้ามโขง ขณะเจ้าหน้าที่ถูกมือมืดวางตะปูเรือใบ เร่งหาทางใช้กฎหมายเอาผิดขั้นเด็ดขาด ด้านผู้ว่าฯนครพนม คาดโทษ จนท.สั่งเข้มทุกจุดพบขนย้ายจับกุมทันที

วันนี้ (17 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จังหวัดนครพนม นายโรเจอร์ โลหนันทน์ เลขาธิการ อำนวยการภาคเพื่อการอนุรักษ์เอเชีย สมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณรงค์ พุ่มสาหร่าย ผกก.สภ.นาหว้า อ.นาหว้า จ.นครพนม นายวีระวงษ์ นครวงศ์ ปศุสัตว์ อ.นาหว้า ร่วมกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบติดตามแก้ไขปัญหาการลักลอบค้าสุนัขข้ามชาติ

หลังจากมีข่าวตรวจ พบว่า มีการพักสุนัขจำนวนมาก ในพื้นที่ บ.ตาง ต.นาหว้า อ.นาหว้า จ.นครพนม ก่อนลักลอบลำเลียงส่งไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน จนทำให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบจับกุมดำเนินคดีมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งทาง นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าฯนครพนม ได้มีคำสั่งให้ทุกพื้นที่ ทั้ง 12 อำเภอ คุมเข้มตรวจสอบจับกุมขั้นเด็ดขาด

แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังมีข้อมูลว่ายังมีการลักลอบขนส่งสุนัขไปขายอยู่ จึงนำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ เป็นการป้องกันปราบปราม

โดยขณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบแหล่งที่พักสุนัขก่อนส่งข้ามโขงไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน ในพื้นที่ บ.ตาง ต.นาหว้า อ.นาหว้า จ.นครพนม พบมีหลักฐาน คือ คอกพักสุนัขขนาดใหญ่ จำนวน 2 จุด สอบถามชาวบ้านให้ข้อมูลว่า ได้หยุดดำเนินการแล้ว หลังจากจังหวัดสั่งจับกุมดำเนินคดี แต่ช่วงเดินทางกลับรถยนต์ของเจ้าหน้าที่กับถูกมือมืดวางตะปูเรือใบ จนยางรถยนต์ได้รับความเสียหายถึง 2 คัน

จากนั้น นายโรเจอร์ โลหนันทน์ เลขาธิการผู้อำนวยการภาคเพื่อการอนุรักษ์เอเชีย สมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย จึงได้เข้าพบ นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าฯนครพนม เพื่อหารือเกี่ยวกับการป้องกันปราบปรามการลักลอบค้าสุนัขขั้นเด็ดขาด

นายโรเจอร์ โลหนันทน์ เลขาธิการ อำนวยการภาคเพื่อการอนุรักษ์เอเชีย สมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย กล่าวว่า ตนลงพื้นที่ จ.นครพนม และ สกลนคร ในช่วงนี้ เพื่อมาตรวจสอบติดตามแก้ไขปัญหาการลักลอบค้าสุนัขอย่างจริงจัง ที่เป็นปัญหามานานกว่า 15 ปี และต้องการสืบหาข้อมูลต้นตอของการค้าที่ชัดเจน หลังจากมีข่าวพื้นที่ อ.นาหว้า จ.นครพนม เป็นจุดพักสุนัข ก่อนส่งข้ามไปขายประเทศเพื่อนบ้าน

โดยจะเข้าหารือกับผู้ว่าราชการ ทั้ง 2 จังหวัด ที่เป็นพื้นที่เกิดปัญหา ระดมเจ้าหน้าที่ใช้กฎหมายเอาผิดขั้นเด็ดขาด ซึ่งที่ผ่านมาที่แก้ปัญหาไม่ได้เนื่องจากไม่มีการใช้กฎหมายเอาผิดอย่างจริงจัง เพราะเมื่อมีการจับกุม ส่วนใหญ่จะถูกข้อหาทารุณสัตว์ ปรับแค่ประมาณ 1,000 บาท ทำให้กลุ่มผู้ค้าไม่กลัวกฎหมาย เพราะผลประโยชน์มาก ขนาดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบยังถูกมือมืดวางตะปูเรือใบ

และจากการตรวจสอบยังเชื่อว่าในพื้นที่ ต.บ้านตาล อ.นาหว้า จ.นครพนม ยังมีการลักลอบส่งออกสุนัขแน่นอน หากเจ้าหน้าที่ไม่ติดตามตรวจสอบ

นายโรเจอร์ กล่าวอีกว่า สำหรับเส้นทางการค้าสุนัข จากข้อมูลที่ติดตามมาหลายปี พบว่า กลุ่มพ่อค้าสุนัขส่วนใหญ่อยู่ที่ ต.ท่าแร่ จ.สกลนคร จะใช้วิธีนำรถเร่ไปทั่วประเทศ นำคุถังไปแลกสุนัขมา หรือซื้อมาราคาไม่กี่บาท ประมาณ 50-100 บาท แล้วแต่ขนาด ก่อนนำกลับมาขายให้นายทุน ที่ชำแหละเนื้อขาย อีกส่วนจะนำส่งไปขายเป็นตัวที่ประเทศเวียดนาม ใช้เส้นทางนครพนม ผ่านข้ามโขงไปลาว เวียดนาม นำไปชำแหละ เอาหนัง ไปทำเครื่องใช้ ส่วนเนื้อนำไปบริโภค ทำให้มีราคาสูงตกตัวละประมาณ 500-1,000 บาท

จึงมีการลักลอบค้าจำนวนมาก กลายเป็นธุรกิจ 1,000 ล้านของนายทุน หลังจากนี้ จะลงพื้นที่สกลนคร เพื่อตรวจสอบข้อมูล และร่วมกับเจ้าหน้าที่หาทางปราบปรามอย่างจริงจังขั้นเด็ดขาด

ทางด้าน นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่าจากข้อมูลที่ตรวจสอบเดิมพื้นที่ อ.นาหว้า อ.บ้านแพง จ.นครพนม เป็นแหล่งที่พักสุนัข ก่อนลำเลียงข้ามโขงไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน หลังจากมีข่าวทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมตรวจสอบ ซึ่งเดิมก็ถือปฏิบัติกันอยู่แล้ว เพราะการค้าสุนัขถือเป็นการค้าที่กระทบต่อความรู้สึกคนไทยที่รักสุนัข

เบื้องต้นทางจังหวัดได้สั่งทุกพื้นที่สกัดการลำเลียง หากพบมีการพักสุนัข หรือขนส่งสุนัขให้จับกุมดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด และตั้งจุดสกัดตามจุดเสี่ยง พร้อมกำชับหากพื้นที่ไหน ยังมีการลักลอบค้าสุนัข เจ้าหน้าที่รัฐจะต้องรับผิดชอบ

ซึ่งหลังจากนี้จะได้ร่วมกับทุกฝ่ายนำกฎหมายเข้าดำเนินการขั้นเด็ดขาด ถึงแม้การแก้ปัญหาอาจจะเป็นปลายทาง แต่ต้องใช้วิธีกดดันสกัดกั้นไม่ให้มีการลำเลียงขนส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และหาทางปราบปรามไม่ให้มีการเปิดเขียงสุนัขในพื้นที่ทุกแห่ง ส่วนเมื่อมีการจับกุมอาจมีปัญหาเรื่องดูแลสุนัข ซึ่งจะต้องหาทางแก้ไขต่อไป