ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้ว่าฯระยอง นำคำสั่งประกาศพื้นที่อันตรายปิดหน้าโรงงานผลิตสารไวนิลคลอไรด์โมโนเมอร์ ซึ่งเป็นของบริษัท เอเพ็ค ปิโตรเคมีคอล จำกัด หลังขาดสภาพคล่องจนต้องปิดดำเนินการ จนทำให้ชุมชนโดยรอบเกิดความหวาดผวาว่าอาจเกิดเหตุระเบิดขึ้น พร้อมวางแผนขนย้ายสารเคมีที่เหลือออกจากโรงงานภายในเวลา 1 เดือน
วันนี้ (15 ก.ค.) นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ได้นำคำสั่งประกาศพื้นที่อันตรายอาศัยอำนาจตามมาตรา 21(5) และ 22 ของพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 ห้ามบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปปิดที่บริษัท เอเพ็ค ปิโตรเคมิคอล จำกัด ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 14 ถนนมาบข่า-ปลวกแดง ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง ซึ่งบริษัทดังกล่าวเป็นโรงงานผลิตสารไวนิลคลอไรด์โมโนเมอร์ (VCM) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตพีวีซีผง โดยได้ประกาศปิดกิจการมาตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมาหลังขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก
ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ได้นำประกาศคำสั่งดังกล่าวไปปิดไว้ที่หน้าโรงงานด้วยตัวเอง พร้อมส่งคณะทำงาน ซึ่งประกอบด้วย ทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจาก บริษัท วีนีไทย จำกัด บริษัท ไทยพลาสติกและ เคมีภัณฑ์ จำกัดและบริษัท เอเพ็คปิโตรเคมีคอล จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนของหน่วยงานภาครัฐ ที่นำโดยนายธาตรี นามะสนธิ ปลัดจังหวัดระยอง หัวหน้าคณะฯ เข้าตรวจสอบสารเคมีที่ยังคั่งค้างอยู่ทั้งในระบบท่อและถังเก็บผลิตภัณฑ์ เพื่อประเมินสถานการณ์และหาแนวทางขนย้ายสารเคมีที่ค้างในท่อทั้งหมดออกจากบริษัท เพื่อความปลอดภัยของชุมชนรอบโรงงาน
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวถึงแนวทางการเก็บกู้สารเคมีที่เหลือ ว่า จะได้ข้อสรุปหลังการประชุมร่วมกับทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญและตัวแทนบริษัท เอเพ็คฯ ซึ่งในเบื้องต้นได้มีการนำสารเคมีดังกล่าวดูดกลับตามท่อที่เชื่อมต่อกับแทงค์ฟาร์มที่ตั้งอยู่ในบริษัท ปตท.เคมิคอล ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร และตามท่อที่มีการซื้อขายกับบริษัท วีนีไทย แล้ว คาดว่า การวางแผนและตรวจสอบแรงดันท่อ รวมทั้งทดสอบวาว์ลตามจุดต่างๆ จะใช้ระยะเวลา 1 เดือน หลังจากนั้น จะเริ่มดำเนินการขนย้ายได้ในทันที