จันทบุรี - จังหวัดจันทบุรี ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทั้ง 10 อำเภอ โดยมีผู้ได้รับความเดือดร้อนกว่า 250 ครอบครัว ส่วนปัญหาน้ำป่าไหลหลาก ที่ อ.ขลุง นั้น ยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (12 ก.ค.54) ที่ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัด นายเกรียงเดช เข็มทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานการประชุม โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เข้ารับฟังการสรุปตัวเลขผู้ประสบภัยพิบัติ พร้อมทั้งแนวทางการช่วยเหลือของทางราชการ จากนายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ หน.สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.จันทบุรี ซึ่งจากข้อมูลตัวเลขผู้ประสบภัยพิบัติ ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม - 12 กรกฎาคม 2554 แยกเป็น วาตภัย เกิดขึ้นมีจำนวน 58 ครั้ง เดือดร้อน 183 ครอบครัว , อัคคีภัย 15 ครั้ง เดือดร้อน 18 ครอบครัว,อุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก 2 ครั้ง 20 ครอบครัว ยกเว้น อ.ท่าใหม่ ที่ยังไม่ได้รายงานความเดือดร้อนเข้ามา ,ทุ่นระเบิด 1 ครั้ง เดือดร้อน 2 ครอบครัว ,ดินถล่ม 1 ครั้ง เดือดร้อน 1 ครอบครัว และพายุคลื่นลมแรง 1 ครั้ง เดือดร้อน 34 ครอบครัว รวมความเดือดร้อนทั้งสิ้น 258 ครอบครัว จำนวน 790 คน
ส่วนความช่วยเหลือในเรื่องการเกิดคลื่นใต้น้ำที่ ตำบลบางชัน อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ที่มีชาวประมงเดือดร้อน โดยกระชังปลาได้รับความเสียหาย จำนวน 225 ครัวเรือน ทางป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรี ได้มีการนำเงินช่วยเหลือผ่านให้ องค์การบริหารส่วนตำบลบางชันไปมอบให้กับผู้ประสบภัยแล้ว
ด้านนายจุมพฏ กล่าวว่า สำหรับปัญหาด้านวาตภัย ถือเป็นภัยพิบัติที่สร้างความเสียหายและความเดือดร้อนยาวนานมากสุดถึง 6 เดือน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ จนถึง เดือนกรกฏาคม รวมทั้งสิ้นเกิดขึ้นถึง 58 ครั้ง ส่วนใหญ่พืชผลทางการเกษตรเสียหาย ทั้ง ทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง กว่า 4 พันไร่ ทางศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย ได้จ่ายเงินช่วยเหลือไปแล้วเป็นเงินกว่า 1,200,000 บาท
ส่วนเรื่องของอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ในพื้นที่ อ.ขลุง อ.สอยดาว อ.มะขาม และ อ.ท่าใหม่ โดยเฉพาะใน อ.ขลุง มี 3 ตำบล 15 หมู่บ้าน ได้รับความเสียหาย และยังคงต้องเฝ้าระวังอยู่อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะผ่านช่วงมรสุม โดย 3 ตำบลที่ได้รับความเดือดร้อนและเสียหายอย่างหนัก ประกอบด้วย ต.ตกพรม ,ต.มาบไพ,และ ต.วังสรรพรส ถนนถูกตัดขาด 7 สาย อยู่ในพื้นที่ ต.วังสรรพรส 5 สาย และ ต.ตกพรม 2 สาย
เบื้องต้น นายเกรียงเดช เข็มทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัด ได้สั่งการให้ สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประสานกับองค์การบริหารส่วนตำบล ในพื้นที่เสี่ยงภัย เฝ้าระวังพร้อมทั้งมีการแจ้งเหตุให้ประชาชนรับทราบอยู่เป็นระยะ หากมีปริมาณน้ำฝนที่มากเกินไปต้องรีบแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด รับทราบ เพื่อจะสั่งการได้ทันที
วันนี้ (12 ก.ค.54) ที่ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัด นายเกรียงเดช เข็มทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานการประชุม โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เข้ารับฟังการสรุปตัวเลขผู้ประสบภัยพิบัติ พร้อมทั้งแนวทางการช่วยเหลือของทางราชการ จากนายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ หน.สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.จันทบุรี ซึ่งจากข้อมูลตัวเลขผู้ประสบภัยพิบัติ ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม - 12 กรกฎาคม 2554 แยกเป็น วาตภัย เกิดขึ้นมีจำนวน 58 ครั้ง เดือดร้อน 183 ครอบครัว , อัคคีภัย 15 ครั้ง เดือดร้อน 18 ครอบครัว,อุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก 2 ครั้ง 20 ครอบครัว ยกเว้น อ.ท่าใหม่ ที่ยังไม่ได้รายงานความเดือดร้อนเข้ามา ,ทุ่นระเบิด 1 ครั้ง เดือดร้อน 2 ครอบครัว ,ดินถล่ม 1 ครั้ง เดือดร้อน 1 ครอบครัว และพายุคลื่นลมแรง 1 ครั้ง เดือดร้อน 34 ครอบครัว รวมความเดือดร้อนทั้งสิ้น 258 ครอบครัว จำนวน 790 คน
ส่วนความช่วยเหลือในเรื่องการเกิดคลื่นใต้น้ำที่ ตำบลบางชัน อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ที่มีชาวประมงเดือดร้อน โดยกระชังปลาได้รับความเสียหาย จำนวน 225 ครัวเรือน ทางป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรี ได้มีการนำเงินช่วยเหลือผ่านให้ องค์การบริหารส่วนตำบลบางชันไปมอบให้กับผู้ประสบภัยแล้ว
ด้านนายจุมพฏ กล่าวว่า สำหรับปัญหาด้านวาตภัย ถือเป็นภัยพิบัติที่สร้างความเสียหายและความเดือดร้อนยาวนานมากสุดถึง 6 เดือน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ จนถึง เดือนกรกฏาคม รวมทั้งสิ้นเกิดขึ้นถึง 58 ครั้ง ส่วนใหญ่พืชผลทางการเกษตรเสียหาย ทั้ง ทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง กว่า 4 พันไร่ ทางศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย ได้จ่ายเงินช่วยเหลือไปแล้วเป็นเงินกว่า 1,200,000 บาท
ส่วนเรื่องของอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ในพื้นที่ อ.ขลุง อ.สอยดาว อ.มะขาม และ อ.ท่าใหม่ โดยเฉพาะใน อ.ขลุง มี 3 ตำบล 15 หมู่บ้าน ได้รับความเสียหาย และยังคงต้องเฝ้าระวังอยู่อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะผ่านช่วงมรสุม โดย 3 ตำบลที่ได้รับความเดือดร้อนและเสียหายอย่างหนัก ประกอบด้วย ต.ตกพรม ,ต.มาบไพ,และ ต.วังสรรพรส ถนนถูกตัดขาด 7 สาย อยู่ในพื้นที่ ต.วังสรรพรส 5 สาย และ ต.ตกพรม 2 สาย
เบื้องต้น นายเกรียงเดช เข็มทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัด ได้สั่งการให้ สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประสานกับองค์การบริหารส่วนตำบล ในพื้นที่เสี่ยงภัย เฝ้าระวังพร้อมทั้งมีการแจ้งเหตุให้ประชาชนรับทราบอยู่เป็นระยะ หากมีปริมาณน้ำฝนที่มากเกินไปต้องรีบแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด รับทราบ เพื่อจะสั่งการได้ทันที
