ศูนย์ข่าวศรีราชา - เผยตัวเลขตู้สินค้าขนถ่ายผ่านท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ช่วง 8 เดือนปี 54 ทะลุ 3.5 ล้านทีอียู และคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีตัวเลขตู้สินค้าจะถึง 5.5 ล้านทีอียูอย่างแน่นอน
เจ้าหน้าที่จากการท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เปิดเผยถึงตัวเลขการดำเนินงานของท่าเรือแหลมฉบังในช่วง 8 เดือนของปีงบประมาณ 2554 (ตุลาคม 2553 - พฤษภาคม 2554) พบว่า เฉพาะเที่ยวเรือทั้งขาเข้าและออกมีจำนวนถึง 6,757 เที่ยว ขณะที่จำนวนตู้สินค้าขนถ่ายผ่านท่าเรือแหลมฉบังมีจำนวน 3.59 ล้านทีอียู ทำให้คาดการณ์ว่าเมื่อถึงสิ้นปีท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี จะมีจำนวนตู้สินค้าผ่านท่ามากกว่า 5.5 ล้านทีอียู สูงกว่าจำนวนตู้สินค้าผ่านท่าในปีงบประมาณ 2553 ที่มีจำนวน 5 ล้านทีอียู และย่อมส่งผลดีต่อผลประกอบการของท่าเรือฯที่คาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นจากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ
นอกจากนั้น ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมายังพบว่าในส่วนท่าเทียบเรือขนถ่ายรถยนต์ มีรถยนต์นำเข้าใช้บริการผ่านท่าจำนวน 37,755 คัน และมีการส่งออกรถยนต์ผ่านท่าฯ ถึง 548,000.คัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นที่มีฐานการผลิตรถยนต์ในไทย
ส่วนความคืบหน้าโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ที่ได้มีการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาทำการศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ วิศวกรรมและสิ่งแวดล้อมของการจัดทำโครงการ โดยใช้งบประมาณในส่วนนี้ถึง 141 ล้านบาทนั้น ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทแห่งนี้ยังได้เชิญผู้บริหารท่าเรือระดับ 10 เข้าประชุมเพื่อระดมความคิดเห็นในการพัฒนาท่าเรือจากเกตต์เวย์ ให้เป็นฮับที่มีศักยภาพในอินโดจีน และยังได้ระดับความเห็นร่วมกันว่าจะมีทิศทางการพัฒนาท่าเรือไปในรูปแบบใด
ทั้งนี้ ท่าเรือฯ เฟส 3 ถูกกำหนดให้เป็นท่าเรือน้ำลึกขนาด 18 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง โดยจะมีท่าเทียบเรือทั้งสิ้น 9 ท่า แบ่งเป็นท่าเทียบเรือตู้คอนเทนเนอร์ 7 ท่า ท่าเทียบเรือสินค้าทั่วไปและตู้คอนเทนเนอร์ 1 ท่า และท่าเทียบเรือเพื่อขนส่งรถยนต์อีก 1 ท่า โดยมีแผนให้ท่าเทียบเรือแรกสามารถเปิดดำเนินการได้ภายในปี 2560 และจะทยอยเปิดท่าอื่นๆ จนครบทั้ง 9 ท่าในปีต่อๆ ไป
เจ้าหน้าที่จากการท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เปิดเผยถึงตัวเลขการดำเนินงานของท่าเรือแหลมฉบังในช่วง 8 เดือนของปีงบประมาณ 2554 (ตุลาคม 2553 - พฤษภาคม 2554) พบว่า เฉพาะเที่ยวเรือทั้งขาเข้าและออกมีจำนวนถึง 6,757 เที่ยว ขณะที่จำนวนตู้สินค้าขนถ่ายผ่านท่าเรือแหลมฉบังมีจำนวน 3.59 ล้านทีอียู ทำให้คาดการณ์ว่าเมื่อถึงสิ้นปีท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี จะมีจำนวนตู้สินค้าผ่านท่ามากกว่า 5.5 ล้านทีอียู สูงกว่าจำนวนตู้สินค้าผ่านท่าในปีงบประมาณ 2553 ที่มีจำนวน 5 ล้านทีอียู และย่อมส่งผลดีต่อผลประกอบการของท่าเรือฯที่คาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นจากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ
นอกจากนั้น ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมายังพบว่าในส่วนท่าเทียบเรือขนถ่ายรถยนต์ มีรถยนต์นำเข้าใช้บริการผ่านท่าจำนวน 37,755 คัน และมีการส่งออกรถยนต์ผ่านท่าฯ ถึง 548,000.คัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นที่มีฐานการผลิตรถยนต์ในไทย
ส่วนความคืบหน้าโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ที่ได้มีการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาทำการศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ วิศวกรรมและสิ่งแวดล้อมของการจัดทำโครงการ โดยใช้งบประมาณในส่วนนี้ถึง 141 ล้านบาทนั้น ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทแห่งนี้ยังได้เชิญผู้บริหารท่าเรือระดับ 10 เข้าประชุมเพื่อระดมความคิดเห็นในการพัฒนาท่าเรือจากเกตต์เวย์ ให้เป็นฮับที่มีศักยภาพในอินโดจีน และยังได้ระดับความเห็นร่วมกันว่าจะมีทิศทางการพัฒนาท่าเรือไปในรูปแบบใด
ทั้งนี้ ท่าเรือฯ เฟส 3 ถูกกำหนดให้เป็นท่าเรือน้ำลึกขนาด 18 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง โดยจะมีท่าเทียบเรือทั้งสิ้น 9 ท่า แบ่งเป็นท่าเทียบเรือตู้คอนเทนเนอร์ 7 ท่า ท่าเทียบเรือสินค้าทั่วไปและตู้คอนเทนเนอร์ 1 ท่า และท่าเทียบเรือเพื่อขนส่งรถยนต์อีก 1 ท่า โดยมีแผนให้ท่าเทียบเรือแรกสามารถเปิดดำเนินการได้ภายในปี 2560 และจะทยอยเปิดท่าอื่นๆ จนครบทั้ง 9 ท่าในปีต่อๆ ไป
