พท.พะเยาพลิ้วนิรโทษกรรม “แม้ว”-อ้างพรรคไม่มีในนโยบาย/แต่ถ้า ปชช.เสนอพร้อมทำ

พะเยา - มหาวิทยาลัยพะเยา (มพ.) เปิดเวที “เสวนารัฐศาสตร์ แถลงนโยบาย คลายปมปัญหา พัฒนาเมืองพะเยา” โดยมีผู้สมัคร ส.ส.จาก 5 พรรคการเมืองร่วมประชันวิสัยทัศน์ หวังเรียกคะแนนเสียงจากนักศึกษา โดยแต่ละพรรคเน้นโชว์นโยบายด้านการศึกษา และค่าจ้างแรงงาน พร้อมร่วมกันลงนามเลือกตั้งปรองดอง ไม่ใช้ความรุนแรง

วันนี้ (29 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมภูกามยาว 1 อาคารเรียนรวม มหาวิทยาลัยพะเยา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ได้เปิดเวทีแสดงนโยบายของผู้สมัครพรรคการเมือง ในเขตเลือกตั้งที่ 1 พะเยา ภายใต้ชื่อว่า เสวนารัฐศาสตร์ แถลงนโยบาย คลายปมปัญหา พัฒนาเมืองพะเยา โดยมีผู้สมัครจาก 5 พรรคการเมืองในเขตเลือกตั้งที่ 1 ประกอบด้วย นางสาวอรุณี ชำนาญยา ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย, นางสาวมัลลิกา บุญมีตระกูล ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์, นางรุจิตตรา ทนทาน ผู้สมัคร ส.ส.พรรครักษ์สันติ, นายอนุรัตน์ ตันบรรจง ผู้สมัครส.ส.พรรคภูมิใจไทย และ นายศิริพงษ์ วงศ์ไชย ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังคนกีฬา

ผู้สมัครส่วนใหญ่ชูนโยบายด้านการศึกษาที่เกี่ยวข้องโดยตรง รวมถึงนโยบายด้านค่าจ้างแรงงาน เพื่อเรียกคะแนนเสียงจากนักศึกษา โดยมีนักศึกษา มพ.หลาย คณะกว่า 500 คนให้ความสนใจร่วมรับฟัง เนื่องจากส่วนใหญ่นักศึกษาเห็นว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว

ขณะที่เวทีดังกล่าวมีการสะท้อนความคิดเห็น และคำถามจากนักศึกษา แสดงความไม่มั่นใจว่า นโยบายด้านค่าจ้างแรงงาน ของพรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่านักศึกษาจบจะใหม่เงินเดือนเริ่มต้น 15,000 บาท หากเป็นรัฐบาลนั้นจะเป็นไปไม่ได้ หรือครอบคลุมหน่วยงานรัฐเท่านั้นไม่ใช่ในภาพรวม โดยผู้สมัครตอบว่า เป็นไปได้ และครอบคลุมทุกหน่วยงาน ด้วยการลดภาษีนิติบุคคลของบริษัท รวมถึงคำถามยอดฮิต เรื่องการนิรโทษกรรม อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

นางสาวอรุณี ชำนาญยา ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องการนิรโทษกรรมไม่มีในนโยบายของพรรค แต่เชื่อว่าคนไทยอยากให้เป็นเช่นนั้น ที่ผ่านมา มีหลายพรรคนำไปหาเสียงด้วยการโจมตีเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง โดยตนเห็นว่ามันเป็นเรื่องของอนาคต แต่หากว่าคนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรม และมีประชาชนลงชื่อเสนอเกิน 50,000 คน เพื่อให้รัฐบาลดำเนินการ เชื่อว่ารัฐบาล ก็คงจะต้องทำอย่างนั้นแน่นอน

“ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เชื่อว่า คนไทยรู้ดี แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องขอขอบคุณคู่แข่งพรรคการเมือง ที่นำเรื่องดังกล่าวไปโจมตีหาเสียง แต่กลับเป็นข้อดี ที่โพล ของทุกสำนักกลับพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง”

หลังจากนั้น ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 5 คน ได้ร่วมกันลงนามข้อตกลงสัญญาว่าจะแข่งขันเลือกตั้งครั้งนี้ ด้วยความปรองดอง ไม่ใช้ความรุนแรง