“มาร์ค” นำทีม ปชป.ลุยเหนือเผชิญหน้าฐานเสียง พท. จัดปราศรัยใหญ่สร้างสถิติครั้งแรกของ ปชป. ฟูลออปชันความปลอดภัย ระดมตำรวจราว 200 นาย สุนัขดมกลิ่น ตรวจหาสิ่งแปลกปลอมละเอียดยิบ ยกตัวเองปรองดองของจริง ลั่นเป็นนายกฯ ทำงานให้ทุกกลุ่ม ชี้ทำงานต้องรู้จัประสานและนอบน้อม สิบนิ้วทำงานดีกว่านิ้วเดียว
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.54 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 20.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้เดินทางมาช่วยผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์หาเสียงในพื้นที่ภาคเหนือ จ.พะเยา ทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล ผู้สมัครเขต 1, นายอนุชา มุสิกะ ผู้สมัครเขต 2 และนายธนสรร ธรรมสอน ผู้สมัครเขต 3 โดยนายอภิสิทธิ์ได้เดินทางด้วยเครื่องบินมาถึงท่าอากาศยานเชียงราย ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบอย่างเข้มงวด จากนั้นนายอภิสิทธิ์พร้อมคณะได้เดินทางด้วยรถยนต์เข้าสู่จังหวัดพะเยา เพื่อขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่หาเสียงกับประชาชนชาวเมืองพะเยา ที่เวทีบริเวณสวนสุขภาพ หลังสำนักงานเทศบาลอ.เมือง จ.พะเยา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกพรรคประชาธิปัตย์ที่มาเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยที่นายอภิสิทธิ์ จะไปพักค้างคืนที่วัดหนองเงือก ต.แม่แรง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นายอภิสิทธิ์จะเดินทางมาถึงเวทีปราศรัยดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบที่มีประมาณ 200 นายได้เข้าตรวจความเรียบร้อยบริเวณพื้นที่โดยรอบ โดยได้นำสุนัขตำรวจ และเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดมาตรวจหาวัตถุแปลกปลอม เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งมีคนเสื้อแดงสนับสนุน จึงเกรงว่าอาจจะมีการป่วนสถานการณ์เกิดขึ้นได้ โดยระหว่างปราศรัยมีเจ้าหน้าที่ ตชด.400 นายดูแลรอบเวทีปราศรัย รวมถึงตำรวจหน่วยควบคุมเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดและเตรียมตำรวจควบคุมฝูงชนอีก 1 กองร้อย ไว้รองรับหากเกิดเหตุฉุกเฉิน พร้อมนำนายอภิสิทธิ์ออกจากพื้นที่ทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า เมื่อเวลา 21.15 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยที่กว๊านพะเยาโดยมีประชาชนมาฟังประมาณ 2 พันคน ตอนหนึ่งว่า ขอบพระคุณที่มาฟังการปราศัย พอข่าวออกว่าตนจะมาภาคเหนือ นักข่าวที่ กทม.ก็ถามเรื่องเดียวว่าจะมีเรื่องไหม แต่ตนว่ามี คือมีแต่เรื่องดีๆ มาฝาก 2 ปีไม่ได้มาเยี่ยมประชาชนทางเหนือเพราะมีปัญหาความขัดแย้ง ตนได้พยายามแก้ไขไม่ให้ขัดแย้งมากขึ้น อะไรหลีกเลี่ยงได้ก็ทำ แม้ไม่ได้มาเหนือแต่ใส่ใจติดตามแก้ไขปัญหา ตนมีหน้าที่ทำงานให้ทุกคน ทั้งนี้ที่ จ.พะเยามี 3 เขตเลือกตั้งตนไม่ขออะไรมากขอ ส.ส.3 คนก็พอ
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า วันนี้มีคนพยายามพูดว่าตนดีแต่พูด แต่สงสัยว่ามีอะไรที่ตนพูดแล้วไม่ได้ทำ แล้วคนที่พูดได้ทำสิ่งที่ตนทำบ้างหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครใช้นิ้วนิ้วเดียวทำงานได้ ดังนั้นต้องใช้สิบนิ้ว และทั้งสิบนิ้วก็ลงมือทำงาน
“ผมถามว่าบ้านเมืองจะเดินไปข้างหน้าได้ก็ต้องการการประสาน สิบนิ้วดีที่สุดสำหรับการประสาน สิบนิ้วสองมือมารวมกันแล้วก็ไหว้นอบน้อม ไม่มีวิธีอื่นทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ถ้าไม่นอบน้อม” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการที่เดินทางไปหาเสียงไหนแล้วมีคนมาขับไล่ว่า เมื่อวานก็มีคนมาไล่ที่ตลาดตนก็ตามไปคุยเพราะเราคนไทยต้องพูดคุยกันได้ใช้เหตุผลและข้อมูลกัน “นี่คือการปรองดองของจริง” และวันนี้ตนไปตลาดละลายทรัพย์ที่ กทม.ก็ มีพี่น้องเสื้อแดง 2 คน ตนก็เข้าไปคุยซึ่งไม่ได้ทำให้เขาเห็นด้วย แต่คุยด้วยความใจจริงว่าเราเห็นต่างเพราะอะไร เพราะการทำงานให้ประชาชนเราต้องไม่เลือกข้างเลือกฝ่าย ทั้งนี้ตนพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าตอนนี้เศรษฐกิจไทยปลอดภัยจากวิกฤติแล้วเพราะตนและนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ที่ถูกมองว่าเป็นเด็กสองคนพิสูจน์แล้วว่าได้ทุ่มเททำงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายอภิสิทธิ์ได้กล่าวย้ำถึงนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ โครงการประกันรายได้เกษตรกร เบี้ยยังชีพ เรียนฟรี การแก้ไขปัญหาปากท้อง ปัญหายาเสพติด และย้ำด้วยพรรคประชาธิปัตย์ทำงานได้ทันทีตั้งแต่วันแรก ดังนั้นไม่ควรเริ่มจากศูนย์แล้วนับหนึ่ง แต่ขอให้เติมให้เต็มสิบ
