นครปฐม - การแข่งขันหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่นครปฐม 5 เขต ยังไร้เหตุรุนแรง เข้าตำราแกงจืดรสกลมกล่อม ผู้สมัคร ส.ส.เชื่อลงตัวในพื้นที่ทั้ง 5 เขต แต่จะมีล๊อกถล่ม งานล้มยักษ์หรือไม่ 3 ก.ค.คือคำตอบ
วันนี้ (20 มิ.ย.54) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในการหาเสียงของบรรดาผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในจังหวัดนครปฐม ซึ่งเดิมมีการแบ่งพื้นที่ 2 เขตเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ได้มีการแบ่งเขตการเลือกตั้งให้เหมาะสมกับจำนวนประชากรที่การเปลี่ยนแปลงตามฐานประชากร ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 เขตการเลือกตั้ง โดย ตระกูลสะสมทรัพย์ ถือเป็นกลุ่มทางการเมืองที่มีการพื้นฐานเหนียวแน่นในจังหวัดนครปฐม โดยมีฐานคะแนนในนามกลุ่มชาวบ้านที่เป็นผู้นำชุมชนตั้งแต่ระดับจังหวัดไปจนถึงระดับหมู่บ้าน และชัดเจนว่าในสนามเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการต่อกรของผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ครบทุกเขตเลือกตั้ง
โดยเขตเลือกตั้งที่ 1 มี 13 หน่วยเลือกตั้ง เป็นเขตพื้นที่อำเภอเมืองนครปฐม และเขตเทศบาลนครปฐม มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 170,294 คน โดยมีผู้สมัครเข้าลงรับเลือกตั้ง 6 พรรคการเมือง โดยในส่วนของพรรคเพื่อไทย ได้ส่งนายฐานุพงศ์ รังสิไตรพงศ์ ลงแข่งขัน กับ พ.ต.อ.วันชัย เปี่ยมสมบูรณ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งทั้งสองนั้นต้องมาเจอกระดูชิ้นโต และเป็นตัวเต็งคนหนึ่งคือ พท.ดร.สิทธพ แก้วพิจิตร จากพรรคชาติไทยพัฒนา ที่หอบดีกรีปริญญาเอกจากสหรัฐอเมริกา และเป็นอาจารย์ประจำโรงเรียนนายร้อย จปร.และฐานเสียงที่เขตเทศบาลนครปฐม ซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของตระกูลแก้วพิจิตร ที่ครองเก้าอี้ในเขตเทศบาลนครนครปฐมมายาวนาน
โดยมีฐานเสียงของนายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นทุนเดิมจึงน่าจะมีภาษีที่ดีกว่าผู้สมัครรายอื่น แต่ด้วยกระแสของพรรคเพื่อไทยก็ยังมีอยู่ไม่น้อยจึงทำให้เขต 1 ก็ยังมีพื้นที่ให้ลุ้นอยู่ไม่น้อยเพราะทั้ง ผู้สมัครที่มีเป้าหมายต่างเดินเรียกคะแนนจากชาวบ้านในช่วนี้อย่างคึกคัก
เขตเลือกตั้งที่ 2 มี 15 หน่วยเลือกตั้ง มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 166,023 คน ในพื้นที่เขต 2 นี้การแข่งขันของผู้สมัครเป็นไปอย่างน่าสนใจเพราะมีผู้สมัครทั้ง 7 พรรคการเมือง โดยพรรคเพื่อไทย ส่งนายรัฐกร เจนกิจณรงค์ คนสนิทของตระกูลสะสมทรัพย์ และถือว่าเป็นเจ้าของพื้นที่เดิมกลายเพราะมีดีกรีเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของจังหวัดนครปฐมในสมัยที่ผ่านมา โดยพ่วงดีกรีฐานเสียงเดิมครั้งที่เคยเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม โดยมีชาวบ้านจะเรียกติดปากว่า สจ.เบ้ ต้องมาพบกับคู่แข่ง จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ส่ง พ.ต.อ.วีระยศ ชื่นกลิ่นธูปศิริ ที่ประกาศตนเองชัดเจนว่าเดินคนละเส้นทางกับตระกูลสะสมทรัพย์มายาวนานและมีการลงสมัครแข่งขันกับตระกูลสะสมทรัพย์มาทุกสนาม แม้ในการเลือกตั้ง สว. ก็เคยลงสมัครรับเลือกตั้งมาแล้ว จึงต้องจับตาดูว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ทั้ง 2 พรรคใหญ่ใครจะโกยคะแนนเข้าวินไปนั่งในสภาอีก โดยตัวแปรก็น่าจะเป็นผู้สมัครอีก 5 คนว่าจะสอดแทรกคว้าคะแนนของใครไปครองได้มากกกว่ากัน
เขตเลือกตั้งที่ 3 แบ่งออกเป็นพื้นที่อำเภอบางเลน 15 หน่วยเลือกตั้ง อำเภอดอนตูม 8 เขตเลือกตั้ง อำเภอพุทธมณฑล 3 หน่วยเลือกตั้ง มีผู้มีสิทธิในการเลือกตั้ง 174,064 คน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ นายก่อเกียรติ สิริยะเสถียร จากพรรคเพื่อไทย นั้นเป็นเจ้าของพื้นที่เดิมอยู่ ซึ่งก็ยังเป็นฐานเสียงของตระกูลสะสมทรัพย์ และต้องมาพบกับ น.ส.อุษา เปี่ยมคล้า จากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นทางญาติทางการเมืองของนายพรศักดิ์ เปี่ยมคล้า อดีต ส.ส.หลายสมัยและเคยสังกัดกับพรรคประชาธิปัตย์และไทยรักไทยเดิม มาชิงเก้าอี้กันในครั้งนี้ โดยยังมีผู้สมัครจาก 5 พรรคการเมืองที่ลงแข่งขันกันในการช่วงชิงเก้าอี้ พื้นที่นี้ก็เป็นอีกหนึ่งที่มีการแบ่งเขตพื้นที่ซับซ้อนผู้สมัครจึงต้องมีการเดินลงพื้นที่ด้วยความละเอียดเพราะมีพื้นที่คาบเกี่ยวใน 3 อำเภอของจังหวัดนครปฐม
เขตเลือกตั้งที่ 4 มีผู้สมัครเข้าแข่งขันจาก 6 พรรคการเมือง มีพื้นที่ในการเลือกตั้ง ออกเป็นเขตอำเภอเมืองนครปฐม 7 หน่วยเลือกตั้ง อำเภอนครชัยศรี 24 หน่วยเลือกตั้ง มีผู้มีสิทธิในการเลือกตั้ง 164,998 คน และชัดว่าสนามนี้ นายอนุชา สะสมทรัพย์ หรือเฮียหมวย น้องชายคนสุดท้องของตระกูลสะสมทรัพย์ก็นับได้ว่าเป็นผู้กุมบังเหียนคะแนนเสียงของจังหวัดนครปฐม และที่ผ่านมาก็เคยได้รับการเลือกตั้งเป็น สว.และเป็น ส.ส.ในพื้นที่จังหวัดนครปฐมในสมัยที่ผ่านมา ซึ่งในสนามนี้ได้โคจรมาพบกับ นายระวัง เนตรโพธิ์แก้ว จากพรรคประชาธิปัตย์ อดีต ส.ส. ซึ่งมีประสบการณ์ในการลงรับสมัครมาหลายสมัย โดยยังมี นายสุเทพ เข้มแข็งปรีชานนท์ ซึ่งเดิมเคยสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ แต่คราวนี้เปลี่ยนสีเสื้อมาลงสนามให้กับพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ต้องดูว่าใครจะสามารถเรียกคะแนนมาได้มากเท่าไหร่ ที่ดูแล้ว นายอนุชา สะสมทรัพย์นั้นถือว่ามีภาษีดีที่สุดในเขตนี้
เขตเลือกตั้งที่ 5 เป็นอีกเขตที่น่าสนใจ โดยพื้นที่เป็นเขตอำเภอสามพรานทั้งหมด แบ่งเป็น 16 หน่วยเลือกตั้งมี จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ 184,867 คน โดยสนามนี้เจ้าของพื้นที่เดิมที่ชัดเจนคือ นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวงและเป็นพี่ชายคนโตที่สุดของนายไชยศ นายไชยา และนายอนุชา สะสมทรัพย์ ซึ่งแต่เดิม นายเผดิมชัย คิดจะส่งบุตรชาย คือ ร.อ.สุขชาติ ลงแข่งขันแต่ติดเรื่องเอกสารในการสมัคร จึงกลับมาลงพื้นที่ด้วยตัวเอง ซึ่งคราวนี้ ต้องมาพบกับนายมารุต บุญมี จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยได้รับการเลือกตั้งซ่อมในปี 51 แทนนายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร ที่ถูกเว้นวรรคทางการเมืองพร้อมกับคดียุบพรรคชาติไทย ซึ่งเป็นเป้าหมายที่พรรคประชาธิปัตย์นั้นก็เปิดตัวโดย นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ ก็ได้ลงพื้นที่มาขอคะแนนในช่วงวันแรกของการหาเสียง แต่ถือว่าไม่หมูเมื่อมาเจอกับเจ้าของพื้นที่ที่ยืนอยู่ในพื้นที่มานานและมีดีกรีมากประสบการณ์ ทั้งนี้ ยังมี พล.ท.กสิพันธ์ สว่างสินธุ์ จากพรรครักษ์สันติ ที่มี ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ลงมาหาเสียงในพื้นที่เพื่อเรียกคะแนนภายในโรงเรียนนายร้อยตำรวจอย่างแข็งขัน สนามนี้จึงถือว่ามีสีสันไม่น้อย เช่นกัน โดยมีผู้สมัครแย่งชิงเก้าอีก รวม 5 คน
วันนี้แม้จะเข้าใกล้โค้งสุดท้ายที่จะมีการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 26 มิถุนายน 54 และเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 กรกฏาคม ที่จะถึงนี้ ผู้สมัคร ทั้ง 31 คน จาก ทั้ง 5 เขตเลือกตั้งจึงมุ่งหน้าเดินเคาะประตูบ้านเพื่อหาเสียงกับพี่น้องประชาชนอย่างคึกคัก ซึ่งพื้นที่จังหวัดนครปฐม ชัดเจนว่าส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่ของคนเสื้อแดง แต่ไม่น้อยก็เป็นกลุ่มคนเสื้อเหลือง ซึ่งยังต้องจับตาดูว่า ตัวเลขของการโหวตโนจะส่งผลกับผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือไม่
แต่จากสถานการณ์ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เซียนที่มีมุมมองการเมืองต่างเห็นรายชื่อของผู้จะได้รับชัยชนะไว้แล้วในใจ เรียกว่าเป็น แกงจืดรสกลมกล่อม ที่ลงตัวแล้วนั่นเอง แต่วันที่ 3 กรกฏาคม 2554 นี้คือคำตอบ