ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายกสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย ชี้ราคาผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลังที่ส่งขายยังต่างประเทศพุ่งสูงถึง 280 เหรียญสหรัฐฯต่อตันแล้ว ทั้งมันเส้นและมันอัดเม็ด ขณะที่ผลิตภัณฑ์แป้งมันขยับสูงถึง 575 เหรียญต่อตัน เหตุเพราะความต้องการของตลาดมีสูงขึ้นขณะที่ผลผลิตต่อไร่กลับมีแนวโน้มลดลงจากความแปรปรวนของสภาพอากาศ เผยเฉพาะไตรมาสแรกยอดส่งออกผลิตภัณฑ์มันฯ มีมากถึง 2.5 หมื่นล้านบาท แนะเกษตรกร ผู้ปลูกพืชและมันสำปะหลังทั่วประเทศ ปรับรูปแบบวิธีดูแลด้วยการใช้ระบบน้ำหยดรับมือวิกฤตภัยแล้ง
นายนิยม จุฬาเสรีกุล นายกสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย เผยว่าสถานการณ์การส่งออกมันสำปะหลังของไทยไปยังคู่ค้าต่างประเทศขณะนี้ถือว่าดีจากปีก่อนๆ แม้ผลผลิตต่อไร่ ในปัจจุบันจะมีแนวโน้มลดลงจากปัญหาความแปรปรวนของสภาพอากาศที่มีผลให้ผลผลิตต่อไร่ในส่วนพืชผลการเกษตรนับจากนี้จะลดลงประมาณ 5%
แต่จากความต้องการของตลาดโลกทั้งในแง่การนำผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากไทยไปใช้ผลิตเป็นอาหาร ยารักษาโรค เสื้อผ้าและสินค้าอื่นๆ ที่มีสูงขึ้น ก็ทำให้ราคาส่งออกผลิตภัณ์มันเส้นและมันอัดเม็ดขณะนี้พุ่งจากเดิม 100 กว่าเหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 280 เหรียญสหรัฐต่อตัน
ขณะที่ราคาแป้งมัน พุ่งสูงถึง 575 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนราคาขายหัวมันสดภายในประเทศก็ขยับมาอยู่ที่ 3 บาทกว่าต่อกิโลกรัมแล้ว
"ราคาพืชผลทางการเกษตรของไทยขณะนี้ดีเกือบทุกตัว ยกเว้นข้าว ที่ปัจจุบันประเทศคู่ค้าหันไปซื้อข้าวจากเวียดนามมากขึ้น ส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากระบบการจัดการภายในประเทศที่ไม่ดีพอ อย่างไรก็ตามในส่วนของมันสำปะหลังถือว่าดีต่อเนื่อง โดยในไตรมาสแรกเรามียอดส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังรวมกว่า 2.5 หมื่นล้านบาทแล้ว และคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปียอดส่งออกในส่วนนี้จะดีขึ้นอย่างแน่นอน แต่ปัญหาที่พบก็คือสภาพอากาศที่แปรปรวน ซึ่งอาจมีผลต่อจำนวนผลผลิตต่อไร่ในส่วนของพืชผลทางการเกษตรที่จะลดลงจากปีก่อนไม่น้อยกว่า 5%”
นายนิยม ยังเผยถึงข้อแนะนำเกี่ยวกับการรับมือปัญหาภัยแล้งของเกษตรกรผู้ปลูกพืชและมันสำปะหลังว่า เกษตรควรใช้วิธีน้ำหยดซึ่งจะทำให้พืชไม่ขาดน้ำในช่วงหน้าแล้ง โดยวิธีนี้ใช้เงินลงทุนต่อไร่ค่อนข้างต่ำแต่สามารถช่วยรักษายอดผลผลิตต่อไร่ให้ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งน้อยที่สุด และหากเกษตรกร มีทุนทรัพย์มากพอก็ควรหาพื้นที่ขุดบ่อเพื่อกักเก็บน้ำในช่วงที่มีฝนตกเพื่อนำน้ำในส่วนนี้มาใช้สำหรับวิธีการทำเกษตรแบบน้ำหยด เพื่อรับมือกับภาวะการขาดแคลนน้ำที่อาจจะเกิดขึ้น
นายนิยม จุฬาเสรีกุล นายกสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย เผยว่าสถานการณ์การส่งออกมันสำปะหลังของไทยไปยังคู่ค้าต่างประเทศขณะนี้ถือว่าดีจากปีก่อนๆ แม้ผลผลิตต่อไร่ ในปัจจุบันจะมีแนวโน้มลดลงจากปัญหาความแปรปรวนของสภาพอากาศที่มีผลให้ผลผลิตต่อไร่ในส่วนพืชผลการเกษตรนับจากนี้จะลดลงประมาณ 5%
แต่จากความต้องการของตลาดโลกทั้งในแง่การนำผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากไทยไปใช้ผลิตเป็นอาหาร ยารักษาโรค เสื้อผ้าและสินค้าอื่นๆ ที่มีสูงขึ้น ก็ทำให้ราคาส่งออกผลิตภัณ์มันเส้นและมันอัดเม็ดขณะนี้พุ่งจากเดิม 100 กว่าเหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 280 เหรียญสหรัฐต่อตัน
ขณะที่ราคาแป้งมัน พุ่งสูงถึง 575 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนราคาขายหัวมันสดภายในประเทศก็ขยับมาอยู่ที่ 3 บาทกว่าต่อกิโลกรัมแล้ว
"ราคาพืชผลทางการเกษตรของไทยขณะนี้ดีเกือบทุกตัว ยกเว้นข้าว ที่ปัจจุบันประเทศคู่ค้าหันไปซื้อข้าวจากเวียดนามมากขึ้น ส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากระบบการจัดการภายในประเทศที่ไม่ดีพอ อย่างไรก็ตามในส่วนของมันสำปะหลังถือว่าดีต่อเนื่อง โดยในไตรมาสแรกเรามียอดส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังรวมกว่า 2.5 หมื่นล้านบาทแล้ว และคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปียอดส่งออกในส่วนนี้จะดีขึ้นอย่างแน่นอน แต่ปัญหาที่พบก็คือสภาพอากาศที่แปรปรวน ซึ่งอาจมีผลต่อจำนวนผลผลิตต่อไร่ในส่วนของพืชผลทางการเกษตรที่จะลดลงจากปีก่อนไม่น้อยกว่า 5%”
นายนิยม ยังเผยถึงข้อแนะนำเกี่ยวกับการรับมือปัญหาภัยแล้งของเกษตรกรผู้ปลูกพืชและมันสำปะหลังว่า เกษตรควรใช้วิธีน้ำหยดซึ่งจะทำให้พืชไม่ขาดน้ำในช่วงหน้าแล้ง โดยวิธีนี้ใช้เงินลงทุนต่อไร่ค่อนข้างต่ำแต่สามารถช่วยรักษายอดผลผลิตต่อไร่ให้ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งน้อยที่สุด และหากเกษตรกร มีทุนทรัพย์มากพอก็ควรหาพื้นที่ขุดบ่อเพื่อกักเก็บน้ำในช่วงที่มีฝนตกเพื่อนำน้ำในส่วนนี้มาใช้สำหรับวิธีการทำเกษตรแบบน้ำหยด เพื่อรับมือกับภาวะการขาดแคลนน้ำที่อาจจะเกิดขึ้น
