นครพนม-แข่งเดือด!สนามเลือกตั้งเมืองชายโขง นครพนม โดยเฉพาะเขต 1 "ศุภชัย โพธิ์สุ"อดีต รมช.เกษตรฯ เจ้าของแชมป์ถูกผู้สมัครหน้าใหม่จากชาติไทยพัฒนา-เพื่อไทยท้าชิงเก้าอี้ ขณะที่อีก 3 เขตเพื่อไทยเป็นต่อหลายขุม งานนี้แม่ทัพใหญ่สีน้ำเงินอย่างครูแก้วสู้ยิบตาเพื่อรักษาเก้าอี้และเพิ่มที่นั่งในสภาให้เจ้าของพรรค “เฮียห้อยร้อยยี่สิบ”
สนามเลือกตั้ง จ. นครพนมทั้ง 4 เขต เป็นการสู้ระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับ พรรคเพื่อไทย โดยมีผู้สมัครจากพรรคชาติไทยพัฒนาลงร่วมชิงเก้าอี้ในเขต 1 และผู้สมัครจากพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินลงแจมเขต 4 เท่านั้น
หากเจาะสนามเป็นรายเขต ในเขต 1 ประกอบด้วย อ.ศรีสงคราม อ.นาหว้า อ.นาทม อ.บ้านแพง สนามนี้ประชันกันระหว่าง 3 พรรค ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา และพรรคเพื่อไทย โดยมีครูแก้ว"ศุภชัย โพธิ์สุ"อดีต รมช.เกษตรฯเป็นตัวเต็งในฐานะเจ้าของถิ่นและถือเป็นแม่ทัพใหญ่สีน้ำเงินที่นี่ ครูแก้วสั่งสมประสบการณ์การเมืองในสนามนี้กว่า 20 ปี เป็น ส.ส.ครั้งแรกในนามพรรคความหวังใหม่และ กินยาว 4 สมัย(โมฆะหลังปฏิวัติ 1)
เลือกตั้งทุกครั้งครูแก้วได้คะแนนหลักแสนแต้ม เป็นมวยเอกที่หาคู่ชกได้ยาก เกาะติดชาวบ้านต่อเนื่อง แม้เป็นรัฐมนตรีแล้วก็ไม่ห่างพื้นที่...แต่การเลือกตั้งครั้งนี้เขามีจุดอ่อนกรณีย้ายซบภูมิใจไทยหลังพรรคพลังประชาชนถูกยุบ ชาวบ้านกลุ่มคนเสื้อแดงที่คลั่งลัทธิทักษิณไม่พอใจเป็นอย่างมากหาว่าเป็นคนทรยศ
ในประเด็นดังกล่าว นายศุภชัย กล่าวยอมรับว่าหลังจากที่พรรคพลังประชาชนถูกยุบ ตนได้ย้ายมาอยู่พรรคภูมิใจไทย ประชาชนในพื้นที่ไม่พอใจมาก เขาต้องลงพื้นที่ชี้แจงต่อชาวบ้านจนชาวบ้านเริ่มเข้าใจ ขณะเดียวกันก็พยายามอ้างผลงานโครงการต่างๆที่ผลักดันลงสู่นครพนมหลายต่อหลายโครงการ เช่น ประกันราคาข้าว ทำให้ราคายางสูงเป็นประวัติการณ์ ดึงโรงงานรับซื้อน้ำยางพารามาตั้งที่นครพนม
สำหรับคู่แข่งที่ “ครูแก้ว”ประมาทไม่ได้ในเขตนี้ คือ "ดร.ภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์”จากพรรคชาติไทยพัฒนา ดร.ภูมิพัฒน์ เป็นชาวอำเภอบ้านแพงโดยกำเนิด และถือเป็นคนใกล้ตัวครูแก้ว ในฐานะส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อภูมิใจไทยได้ร่วมทำงานกับครูแก้วมาตลอดและจ่อเป็นส.ส.ระบบบัญชีกลุ่ม 3 ในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่มีปัญหาบางอย่างจนถูกคัดชื่อออก เลยตัดสินใจซบชาติไทยพัฒนาในโค้งสุดท้ายก่อนยุบสภา
ดร.ภูมิพัฒน์เป็นคนขยันลงพื้นที่ เป็นขวัญใจชาวบ้าน เป็นที่รักของกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและบรรดา อบต. ฐานเสียงของเขากับครูแก้วเป็นกลุ่มเดียวกัน
ที่สำคัญน้องชายของ ดร.ภูมิพัฒน์ "นายดนัย สิทธิ์วัชรชัย"เพิ่งได้นั่งเก้าอี้นายกเล็กอำเภอบ้านแพง"คว่ำอดีตนายกที่เป็นแกนนำคนเสื้อแดงเด็กของนายแพทย์ประสงค์ บูรณ์พงศ์ และนายมนพร เจริญศรี ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยเขต 2 พ่ายอย่างหมดรูป การคว่ำผู้สมัครแกนนำเสื้อแดงสำเร็จของดร.ภูมิพัฒน์ สร้างความฮือฮาอย่างมาก
ผู้สมัครอีกคนที่ ครูแก้วประมาทไม่ได้ คือ นายยุทธนา เรืองวรบูรณ์ จากพรรคเพื่อไทย นายยุทธนา จัดเป็นคนหนุ่มไฟแรง ลาออกจากกำนันตำบลศรีสงครามมาสมัครในนามพรรคเพื่อไทย แม้เขาจะมีพรรษาการเมืองน้อยแต่มีพี่เลี้ยงใหญ่อย่าง “กำนันโป้ย”นายอิทธิพล เรืองวรบูรณ์ ผู้เป็นพ่อที่เป็นอดีตกำนันตำบลศรีสงครามหลายสมัยก่อนจะดันลูกชายยึดเก้าอี้กำนันแทน และหันไปเล่นการเมืองสนามใหญ่ในตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)นครพนมแทน
ขณะที่ลูกชายอีกคนก็เป็นนายกเทศมนตรีเมืองศรีสงคราม คว่ำคนของ"ศุภชัย โพธิ์สุ"ร่วงคาสนามมาแล้วเช่นกัน โดยบารมีของกำนันโป้ยว่ากันว่าในพื้นที่ 4 อำเภอไม่มีใครไม่รู้จัก และที่สำคัญ"ยุทธนา "นอกจากจะได้บารมีผู้เป็นพ่อแล้วยังได้กระแสพรรคเพื่อไทยหนุนส่งอีกต่างหาก
ล่าสุด นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครบัญชีรายชื่ออันดับ 1 ได้ลงพื้นที่ช่วยหาเสียง ยิ่งทำให้นายยุทธนามั่นใจมากขึ้น อย่างน้อยเป็นการตอกย้ำกลุ่มคนเสื้อแดงว่าหากอยากได้ซากปีศาจ นช. ทักษิณคืนมาตุภูมิต้องเลือกเบอร์ 1
…เลือกตั้งคราวนี้ถือเป็นงานหินสำหรับครูแก้ว ผู้สมัครคู่แข่งทั้ง 2 ราย ทำให้เขานึกหวั่นลึกๆหากพลาดมีสิทธิ์ถูกล้ม หาเสียงครั้งนี้จึงต้องใช้เล่ห์เกมการเมืองทุกรูปแบบเพื่อตรึงฐานคะแนน การแข่งขันเขต 1 นครพนมต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
เขตเลือกตั้งที่ 2 มี นายอารมณ์ เวียงด้าน อดีต รองนายก อบจ.นครพนม เพื่อนสนิท นายศุภชัย โพธิ์สุ เคยได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ว.มาก่อน หลังยุบสภาสวมเสื้อภูมิใจไทย ชนกับนางมนพร เจริญศรี อดีตนายก อบจ.นครพนมเ บุตรสาวของ นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ คนสนิทของ พ่อใหญ่จิ๋ว อดีต ส.ส.นครพนมหลายสมัย เขตนี้แข่งดุน้องๆเขต 1 จากการประเมินนางมนพรถือแต้มเหนือกว่าที่มีฐานคะแนนของตายจากกลุ่มคนเสื้อแดง
ขณะที่เขตเลือกตั้งที่ 3 มี นางสุมาลี พูลศิริกุล ลงชิงในนามพรรคภูมิใจไทย เพื่อนสนิทนายศุภชัย อีกเช่นกัน โดยชนกับกระดูกชิ้นโตนายไพจิต ศรีวรขาน พรรคเพื่อไทย อดีต ส.ส.นครพนม ตลอดกาล ที่หาคู่แข่งได้ยาก ผลเลือกตั้งทุกครั้งมีคะแนนเป็นอันดับ 1 มาตลอด
ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 4 มี นายณพจน์สกร ทรัพย์สิทธิ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.หลายสมัย แต่สอบตกมาตลอด ลงสนามในนามพรรคภูมิใจไทย ชิงเก้าอี้กับ นายชูกัน กุลวงศา ในนามพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นคนสนิทของ นายไพจิต ศรีวรขาน อีกรายที่เป็นคู่แข่งในเขตนี้ คือ นพ.อลงกต มณีกาศ อดีต ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อแผ่นดิน โดยเป็น ส.ส.นครพนม สมัยแรก หลังจาก ลาออกจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลอำเภอปลาปาก จึงได้คะแนนนิยมจากชาวบ้านท่วมท้น ครั้งนี้ประกาศสู้สุดตัวเพื่อจะครองเก้าอี้ในนามพรรคชาติไทยพัฒนาเพื่อแผ่นดิน
สนามเลือกตั้งนครพนมครั้งนี้เป็นการขับเคี่ยว ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทย แม้ครูแก้ว -ศุภชัย โพธิ์สุ ซึ่งดูแลผู้สมัครของพรรคทุกเขตจะรู้อยู่เต็มอกว่าผู้สมัครจากเพื่อไทยเป็นต่อ เพราะมีกระแสคนรักทักษิณหนุนเป็นต้นทุน แต่เขาจะยอมพ่ายง่ายๆไม่ได้ อย่างน้อยก็เคยเป็นแกนนำคนเสื้อแดงของจังหวัดนี้มาก่อน....เพื่อศักดิ์ศรีและเพื่อเจ้าของพรรคที่ชื่อเนวิน ชิดชอบ ต้องทำทุกอย่าง!
สนามเลือกตั้ง จ. นครพนมทั้ง 4 เขต เป็นการสู้ระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับ พรรคเพื่อไทย โดยมีผู้สมัครจากพรรคชาติไทยพัฒนาลงร่วมชิงเก้าอี้ในเขต 1 และผู้สมัครจากพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินลงแจมเขต 4 เท่านั้น
หากเจาะสนามเป็นรายเขต ในเขต 1 ประกอบด้วย อ.ศรีสงคราม อ.นาหว้า อ.นาทม อ.บ้านแพง สนามนี้ประชันกันระหว่าง 3 พรรค ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา และพรรคเพื่อไทย โดยมีครูแก้ว"ศุภชัย โพธิ์สุ"อดีต รมช.เกษตรฯเป็นตัวเต็งในฐานะเจ้าของถิ่นและถือเป็นแม่ทัพใหญ่สีน้ำเงินที่นี่ ครูแก้วสั่งสมประสบการณ์การเมืองในสนามนี้กว่า 20 ปี เป็น ส.ส.ครั้งแรกในนามพรรคความหวังใหม่และ กินยาว 4 สมัย(โมฆะหลังปฏิวัติ 1)
เลือกตั้งทุกครั้งครูแก้วได้คะแนนหลักแสนแต้ม เป็นมวยเอกที่หาคู่ชกได้ยาก เกาะติดชาวบ้านต่อเนื่อง แม้เป็นรัฐมนตรีแล้วก็ไม่ห่างพื้นที่...แต่การเลือกตั้งครั้งนี้เขามีจุดอ่อนกรณีย้ายซบภูมิใจไทยหลังพรรคพลังประชาชนถูกยุบ ชาวบ้านกลุ่มคนเสื้อแดงที่คลั่งลัทธิทักษิณไม่พอใจเป็นอย่างมากหาว่าเป็นคนทรยศ
ในประเด็นดังกล่าว นายศุภชัย กล่าวยอมรับว่าหลังจากที่พรรคพลังประชาชนถูกยุบ ตนได้ย้ายมาอยู่พรรคภูมิใจไทย ประชาชนในพื้นที่ไม่พอใจมาก เขาต้องลงพื้นที่ชี้แจงต่อชาวบ้านจนชาวบ้านเริ่มเข้าใจ ขณะเดียวกันก็พยายามอ้างผลงานโครงการต่างๆที่ผลักดันลงสู่นครพนมหลายต่อหลายโครงการ เช่น ประกันราคาข้าว ทำให้ราคายางสูงเป็นประวัติการณ์ ดึงโรงงานรับซื้อน้ำยางพารามาตั้งที่นครพนม
สำหรับคู่แข่งที่ “ครูแก้ว”ประมาทไม่ได้ในเขตนี้ คือ "ดร.ภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์”จากพรรคชาติไทยพัฒนา ดร.ภูมิพัฒน์ เป็นชาวอำเภอบ้านแพงโดยกำเนิด และถือเป็นคนใกล้ตัวครูแก้ว ในฐานะส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อภูมิใจไทยได้ร่วมทำงานกับครูแก้วมาตลอดและจ่อเป็นส.ส.ระบบบัญชีกลุ่ม 3 ในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่มีปัญหาบางอย่างจนถูกคัดชื่อออก เลยตัดสินใจซบชาติไทยพัฒนาในโค้งสุดท้ายก่อนยุบสภา
ดร.ภูมิพัฒน์เป็นคนขยันลงพื้นที่ เป็นขวัญใจชาวบ้าน เป็นที่รักของกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและบรรดา อบต. ฐานเสียงของเขากับครูแก้วเป็นกลุ่มเดียวกัน
ที่สำคัญน้องชายของ ดร.ภูมิพัฒน์ "นายดนัย สิทธิ์วัชรชัย"เพิ่งได้นั่งเก้าอี้นายกเล็กอำเภอบ้านแพง"คว่ำอดีตนายกที่เป็นแกนนำคนเสื้อแดงเด็กของนายแพทย์ประสงค์ บูรณ์พงศ์ และนายมนพร เจริญศรี ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยเขต 2 พ่ายอย่างหมดรูป การคว่ำผู้สมัครแกนนำเสื้อแดงสำเร็จของดร.ภูมิพัฒน์ สร้างความฮือฮาอย่างมาก
ผู้สมัครอีกคนที่ ครูแก้วประมาทไม่ได้ คือ นายยุทธนา เรืองวรบูรณ์ จากพรรคเพื่อไทย นายยุทธนา จัดเป็นคนหนุ่มไฟแรง ลาออกจากกำนันตำบลศรีสงครามมาสมัครในนามพรรคเพื่อไทย แม้เขาจะมีพรรษาการเมืองน้อยแต่มีพี่เลี้ยงใหญ่อย่าง “กำนันโป้ย”นายอิทธิพล เรืองวรบูรณ์ ผู้เป็นพ่อที่เป็นอดีตกำนันตำบลศรีสงครามหลายสมัยก่อนจะดันลูกชายยึดเก้าอี้กำนันแทน และหันไปเล่นการเมืองสนามใหญ่ในตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)นครพนมแทน
ขณะที่ลูกชายอีกคนก็เป็นนายกเทศมนตรีเมืองศรีสงคราม คว่ำคนของ"ศุภชัย โพธิ์สุ"ร่วงคาสนามมาแล้วเช่นกัน โดยบารมีของกำนันโป้ยว่ากันว่าในพื้นที่ 4 อำเภอไม่มีใครไม่รู้จัก และที่สำคัญ"ยุทธนา "นอกจากจะได้บารมีผู้เป็นพ่อแล้วยังได้กระแสพรรคเพื่อไทยหนุนส่งอีกต่างหาก
ล่าสุด นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครบัญชีรายชื่ออันดับ 1 ได้ลงพื้นที่ช่วยหาเสียง ยิ่งทำให้นายยุทธนามั่นใจมากขึ้น อย่างน้อยเป็นการตอกย้ำกลุ่มคนเสื้อแดงว่าหากอยากได้ซากปีศาจ นช. ทักษิณคืนมาตุภูมิต้องเลือกเบอร์ 1
…เลือกตั้งคราวนี้ถือเป็นงานหินสำหรับครูแก้ว ผู้สมัครคู่แข่งทั้ง 2 ราย ทำให้เขานึกหวั่นลึกๆหากพลาดมีสิทธิ์ถูกล้ม หาเสียงครั้งนี้จึงต้องใช้เล่ห์เกมการเมืองทุกรูปแบบเพื่อตรึงฐานคะแนน การแข่งขันเขต 1 นครพนมต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
เขตเลือกตั้งที่ 2 มี นายอารมณ์ เวียงด้าน อดีต รองนายก อบจ.นครพนม เพื่อนสนิท นายศุภชัย โพธิ์สุ เคยได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ว.มาก่อน หลังยุบสภาสวมเสื้อภูมิใจไทย ชนกับนางมนพร เจริญศรี อดีตนายก อบจ.นครพนมเ บุตรสาวของ นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ คนสนิทของ พ่อใหญ่จิ๋ว อดีต ส.ส.นครพนมหลายสมัย เขตนี้แข่งดุน้องๆเขต 1 จากการประเมินนางมนพรถือแต้มเหนือกว่าที่มีฐานคะแนนของตายจากกลุ่มคนเสื้อแดง
ขณะที่เขตเลือกตั้งที่ 3 มี นางสุมาลี พูลศิริกุล ลงชิงในนามพรรคภูมิใจไทย เพื่อนสนิทนายศุภชัย อีกเช่นกัน โดยชนกับกระดูกชิ้นโตนายไพจิต ศรีวรขาน พรรคเพื่อไทย อดีต ส.ส.นครพนม ตลอดกาล ที่หาคู่แข่งได้ยาก ผลเลือกตั้งทุกครั้งมีคะแนนเป็นอันดับ 1 มาตลอด
ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 4 มี นายณพจน์สกร ทรัพย์สิทธิ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.หลายสมัย แต่สอบตกมาตลอด ลงสนามในนามพรรคภูมิใจไทย ชิงเก้าอี้กับ นายชูกัน กุลวงศา ในนามพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นคนสนิทของ นายไพจิต ศรีวรขาน อีกรายที่เป็นคู่แข่งในเขตนี้ คือ นพ.อลงกต มณีกาศ อดีต ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อแผ่นดิน โดยเป็น ส.ส.นครพนม สมัยแรก หลังจาก ลาออกจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลอำเภอปลาปาก จึงได้คะแนนนิยมจากชาวบ้านท่วมท้น ครั้งนี้ประกาศสู้สุดตัวเพื่อจะครองเก้าอี้ในนามพรรคชาติไทยพัฒนาเพื่อแผ่นดิน
สนามเลือกตั้งนครพนมครั้งนี้เป็นการขับเคี่ยว ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทย แม้ครูแก้ว -ศุภชัย โพธิ์สุ ซึ่งดูแลผู้สมัครของพรรคทุกเขตจะรู้อยู่เต็มอกว่าผู้สมัครจากเพื่อไทยเป็นต่อ เพราะมีกระแสคนรักทักษิณหนุนเป็นต้นทุน แต่เขาจะยอมพ่ายง่ายๆไม่ได้ อย่างน้อยก็เคยเป็นแกนนำคนเสื้อแดงของจังหวัดนี้มาก่อน....เพื่อศักดิ์ศรีและเพื่อเจ้าของพรรคที่ชื่อเนวิน ชิดชอบ ต้องทำทุกอย่าง!