พระนครศรีอยุธยา - ทหารเรือเริ่มหมดหวังในการดำน้ำลงไปอุดรอยรั่วเรือบรรทุกน้ำลำที่ล่มอยู่กลางลำน้ำเจ้าพระยา หลังระดับน้ำยังเพิ่มสูงขึ้น และไหลเชี่ยวกราก โดยแนวทางเบื้องต้นในการกู้เรือลำดังกล่าวทางทหารเรืออาจจะมีการจมเรือ 2 ลำ เพื่อขวางลำน้ำให้ห่างแนวตลิ่งเพื่อกู้เรือลำที่จม
วันนี้ (7 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.30 น. พล.ร.ต.สุรพงษ์ อำนรรฆสรเดช ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพเรือ ช่วยราชการกรมอู่ทหารเรือ ได้หารือกับ น.ท.รชต ผกาฟุ้ง หัวหน้าสำนักงานเจ้าท่าสาขาอยุธยา บนเรือบีเอ็ม 6 ซึ่งจมอยู่ในลำน้ำกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อหาวิธีการกู้เรือบรรทุกน้ำตาลลำที่ล่ม
โดยเบื้องต้นพบว่าสิ่งที่จะต้องลำดับแรกในขณะนี้ คือ จะต้องทำให้กระแสน้ำหัวเรือ ลดระดับความแรงลง เพราะหากกระแสน้ำยังอยู่ในลักษณะนี้นักประดาน้ำของกองทัพเรือ ไม่สามารถปฏิบัติงานใต้น้ำได้ เพราะจะทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตมาก โดยแนวทางที่ทหารเรือคิดไว้ขณะนี้ คือ อาจจะต้องมีการใช้เรือขนาดเดียวกัน จมลงในแม่น้ำบริเวณเหนือจุดที่เรือบรรทุกน้ำตาลล่มในลักษณะตัววี แต่จะต้องจมให้ห่างจากตลิ่งเพื่อไม่ให้น้ำกัดเซาะแนวตลิ่งเพิ่ม และการจมลงในลักษณะนี้จะต้องจมเพื่อให้เรือบรรทุกสินค้าสามารถสัญจรไป-มาด้วย แต่วิธีดังกล่าวจะจะทำได้หรือไม่ต้องประชุมอีกครั้งก่อน
ขณะที่ น.ท.รชต ผกาฟุ้ง หัวหน้าสำนักงานเจ้าท่าสาขาอยุธยา ยอมรับว่า การกู้เรือด้วยการปิดเส้นทางน้ำนั้น ทำได้ยากลำบาก เพราะหากมีการปิดเส้นทางน้ำผู้ประกอบการขนส่งทางน้ำจะถามว่าใช้เวลานานกี่วัน จึงจะกู้เรือ ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณกี่วัน และหากการกู้เรือใช้ระยะเวลานานกว่าที่มีการปิดเส้นทางขนส่งทางน้ำ ผู้ประกอบการขนส่งทางน้ำก็จะมีการร้องไปยังกระทรวงคมนาคมว่าทำให้สินค้าไม่สามารถขนส่งได้และอาจถูกปรับ เนื่องจากสินค้าบางส่วนจะต้องออกไปยังต่างประเทศ