ทหารถกกรมเจ้าท่ากู้เรือน้ำตาลเสาร์นี้

พระนครศรีอยุธยา - ทหารบกถกผู้ว่าฯพระนครศรีอยุธยา-กรมเจ้าท่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาข้อสรุปแนวทางกู้เรือน้ำตาลล่มที่กรุงเก่า พร้อมดำเนินการกู้วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายนนี้

เวลา 12.30 น.วันนี้ (7 มิ.ย.) ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะของ พล.ท.จิระเดช โมกขะสมิต รองเสนาธิการทหารบก กับ นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา, ตัวแทนกรมเจ้าท่า และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องภายในชุมชนภูเขาทอง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ม.2 ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา

โดยหลังการประชุม พล.ท.จิระเดช โมกขะสมิต รองเสนาธิการทหารบก กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้เข้าช่วยเหลือโดยด่วนและให้สนับสนุนการช่วยเหลือทุกด้าน หากทางจังหวัดร้องขอโดยเฉพาะกำลังพลและเครื่องจักร

ผลการสำรวจพบว่าเรือที่จมปัจจุบันมีน้ำหนัก 500 ตัน โดยแนวทางจะต้องทำบอลลูนขนาดใหญ่จำนวน 4 ลูก โดยแต่ละลูกสามารถยกน้ำหนักได้ 150 ตัน เมื่อใช้ 4 ลูกจะสามารถยกเรือน้ำหนัก 500 ตัน ได้แน่นอน

ทั้งนี้ จะนำเรือเครนขนาดใหญ่ของกรมเจ้าท่าและเรือโป๊ะของกองทัพเรือ มาช่วยดำเนินการกู้เรือ ด้วยวิธีการนำบอลลูนขนาดใหญ่ไปผูกติดท้องเรือทั้ง 4 ด้าน จากนั้นจะอัดอากาศเข้าไปเพื่อยกเรือขึ้นมา คาดว่าจะเริ่มดำเนินการตามแผนยกเรือน้ำตาลจมได้ในวันเสาร์ที่ 11 มิถุนายนนี้และอาจใช้เวลา 2 วันในการดำเนินการตามแผน ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะต้องให้บริษัทเจ้าของเรือและน้ำตาลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด

ส่วนแนวป้องกันน้ำกัดเซาะตลิ่งจะให้กำลังพล และเครื่องมือจากทหารช่างราชบุรี มาเร่งดำเนินการช่วยเหลือในการเสริมแนวป้องกันตลิ่งพังโดยจะเริ่มแต่บ่ายวันนี้

นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จะต้องให้ทางกรมเจ้าท่าเรียกบริษัท JNP จำกัด ที่เป็นบริษัทขนส่งน้ำตาล มาพูดคุยชี้แจงกับทางจังหวัดบ้าง โดยล่าสุด บริษัท อัลฟ่า มารีน ซัฟพลาย จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของเรือและรับจ้างขนน้ำตาล ได้ติดต่อว่าจะให้การช่วยเหลือ แต่อ้างว่า บริษัท อัลฟ่า มารีน ซัฟพลาย จำกัด ไม่มีความผิด เพราะเป็นเพียงผู้รับจ้างเท่านั้น แต่ความผิดที่แท้จริงได้กล่าวโทษ บริษัท JNP จำกัด ที่เป็นเจ้าของน้ำตาลและเป็นผู้ว่าจ้างให้บรรทุกน้ำตาลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งการให้เหตุผลของสองบริษัทที่โยนกันไปมานั้นถือเป็นการโยนความผิดต่อกัน และเท่ากับไม่มีเจตนาจะรับผิดชอบต่อเหตุการณ์

ดังนั้น ทางกรมเจ้าท่าจะต้องเร่งดำเนินการเรียกทั้ง 2 บริษัทมาชี้แจงข้อเท็จจริงและหาข้อสรุปว่าจะทำสัญญาเงื่อนไข และรายละเอียดการช่วยเหลืออย่างไร