ชร.เร่งบูมสับปะรดนางแล-ภูแล ควบลิ้นจี่-เดินหน้าหนุนส่งขายญี่ปุ่น

เชียงราย - เมืองพ่อขุนฯ เปิดพื้นที่บูมสับปะรดนางแล/ภูแล และลิ้นจี่ พืชเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัด พร้อมหนุนส่งออกตลาดญี่ปุ่นเต็มที่

รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ระหว่าง 3-5 มิ.ย.54 องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ได้จัดงานสับปะรดนางแล ภูแล ลิ้นจี่และของดีเมืองเชียงรายขึ้น บริเวณลานข้างแขวงการทาง จ.เชียงราย ใกล้สะพานข้ามแม่น้ำกก อ.เมือง จ.เชียงราย โดยในพิธีเปิดมีนางรัตนา จงสุทธนามณี นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานและนายประพันธ์ สิทธิแก้ว ประธานชมรมสับปะรด จ.เชียงราย -ตัวแทนสมาคมลิ้นจี่ จ.เชียงราย นำเกษตรกรเข้าร่วมงาน

นางรัตนา กล่าวว่า เชียงรายเป็นเมืองแห่งเกษตรกรรมและเกษตรกร โดยเฉพาะชาวสวนสับปะรดและลิ้นจี่ก็เป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายให้ประชาชนปีละมูลค่ามหาศาล โดยกรณีของสับปะรดนางแลและภูแลปลูกกันมากในพื้นที่ ต.บ้านดู่ ต.นางแล ต.ท่าสุด และ ต.แม่ข้าวต้ม โดยมีทั้งพันธุ์นางแลหรือน้ำผึ้งและพันธุ์ภูแล กรณีของพันธุ์ภูแล ซึ่งมีรสหวานและกรอบปัจจุบันได้มีการส่งเสริมให้ส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นโดยทางเรือเดินทะเล ซึ่งถือเป็นการทดลองส่งออกครั้งแรกภายหลังจากการส่งออกทางเครื่องบินประสบความสำเร็จด้วยดี
ผลปรากฏว่าหลังจากทดลองส่งออกไปทางเรือเดินทะเลแล้วพบว่าแม้จะใช้ระยะเวลาในการขนส่งยาวนาน แต่เมื่อถึงประเทศญี่ปุ่นก็พบว่าสับปะรดพันธุ์ภูแลยังคงให้รสที่หวานกรอบเช่นเดิม ดังนั้นจึงจะมีการส่งเสริมกันต่อไป

สำหรับสับปะรดมีการปลูกในพื้นที่ จ.เชียงราย รวมกันประมาณ 11,000 ไร่ และมีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดปีละประมาณ 34,00 ตัน สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรกว่า 350 ล้านบาท ปัจจุบันราคาจำหน่ายสับปะรดพันธุ์นางแลที่สวยน้ำหนึ่งหรือเก็บครั้งแรกกิโลกรัมละประมาณ 10 บาท แต่ชาวสวนนิยมขายคละเพื่อความสะดวกก็จะได้ราคาขายส่งกิโลกรัมละประมาณ 8 บาท และเมื่อนำออกมาจำหน่ายทั่วไปจะได้ราคากิโลกรัมละ 10 บาทขึ้นไป

ส่วนลิ้นจี่มีการปลูกรวมกันประมาณ 30,000 ไร่ ซึ่งลดลงจากเดิมที่มีกว่าปีก่อนซึ่งมีอยู่กว่า 50,000 ไร่ เพราะเกษตรกรจำนวนมากหันไปปลูกยางพาราและสภาพอากาศแปรปรวน ทำให้ดอกติดผลลดลงกว่าปีก่อนถึง 20% และให้ผลช้ากว่าเดิมกว่า 1 เดือน ปีนี้จึงมีน้อยเพียงประมาณ 11,000 ตันเท่านั้น และราคาสูงขึ้นโดยพันธุ์ฮงฮวยจำหน่ายส่งกิโลกรัมละ 50-80 บาท ส่วนพันธุ์จักรพรรดิกิโลกรัมละประมาณ 120-150 บาท