xs
xsm
sm
md
lg

พณ.สั่งลดราคาไข่ไก่ 10 สตางค์ เนื้อหมู 5 บาท ครม.รับทราบดัชนีสินค้าเกษตร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กรมการค้าภายใน ปรับลดราคาแนะนำไข่ไก่ ฟองละ 10 สตางค์ พร้อมลดราคาขายปลีกเนื้อหมู กก.ละ 5 บาท มีผลตั้งแต่วันนี้ โดยให้โอกาสผู้ประกอบการปรับตัวภายใน 1-2 วัน เผยที่ประชุม ครม.รับทราบ ดัชนีสินค้าเกษตรสำคัญหลายรายการ เดือน พ.ค.ปรับตัวสูงขึ้น


นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมการค้าภายในได้ประกาศปรับลดราคาแนะนำไข่คละหน้าฟาร์มจากฟองละ 3 บาท เหลือฟองละ 2.90 บาท หรือปรับลดลงฟองละ 10 สตางค์ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาขายปลีกและขายส่งไข่ไก่ทุกเบอร์ปรับลดลงฟองละ 10 สตางค์เช่นกัน เนื่องจากสภาพอากาศที่เย็นลงทำให้แม่ไก่ออกไข่มากขึ้น รวมถึงสถานการณ์โรคระบาดเริ่มคลี่คลายลง

ขณะเดียวกัน ได้ประกาศปรับลดราคาแนะนำขายปลีกหมูเนื้อแดงทั่วประเทศลงอีกกิโลกรัมละ 5 บาท ส่งผลให้ราคาหมูเนื้อแดงในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคตะวันตก ราคาไม่เกินกิโลกรัมละ 135 บาท จากกิโลกรัมละ 140 บาท

ส่วนราคาหมูเนื้อแดงในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่เกินกิโลกรัมละ 140 บาท และภาคใต้ไม่เกินกิโลกรัมละ 145 บาท ขณะที่ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มอยู่ที่กิโลกรัมละ 70 บาท โดยการปรับลดราคาเนื้อหมูและไข่ไก่จะมีผลตั้งแต่วันนี้ และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้ปรับตัวภายใน 1-2 วัน

นอกจากนี้ กรมการค้าภายในได้มอบใบอนุญาตประกอบกิจการคลังสินค้า กิจการไซโลและกิจการห้องเย็นจำนวน 4 ราย ส่งผลให้ปัจจุบันมีผู้ประกอบการแล้ว 227 ราย โดยกรมการค้าภายในจะเร่งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ใบประทวนสินค้าไปสลักหลังจำนำเป็นประกันเงินกู้กับธนาคารพาณิชย์ หรือสถาบันการเงิน

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ รับทราบ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอรายงานเรื่องดัชนีราคาและผลผลิตสินค้าเกษตรเดือนเมษายน 2554 และแนวโน้มเดือนพฤษภาคม 2554

ภาพรวมราคาสินค้าเกษตรของเดือนเมษายน 2554 เมื่อเปรียบเทียบเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา พบว่า ดัชนีราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น ร้อยละ 22.28 โดยสินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ มันสำปะหลัง สับปะรดโรงงาน ยางพารา ปาล์มน้ำมัน สุกร ไก่เนื้อ และไข่ไก่

โดยดัชนีผลผลิตสินค้าการเกษตรประเภทข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 14-15% มีดัชนีผลผลิตลดลงร้อยละ 14.87 ขณะที่สินค้าที่ผลผลิตสูงขึ้น ได้แก่ มันสำปะหลัง ยางพารา สับปะรดโรงงาน

ทั้งนี้ ในเดือนพฤษภาคม 2554 คาดว่า ดัชนีผลผลิตในภาพรวมจะสูงขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา เพราะมีผลผลิตสินค้าสำคัญหลายชนิดออกสู่ตลาดมากขึ้น ได้แก่ สับปะรดโรงงาน 13.41% ปาล์มน้ำมัน 11.03% ทุเรียน 30.70% มังคุด 22.79% เงาะ 18.43% และลิ้นจี่ 63.95% ของผลผลิตทั้งหมดตามลำดับ
กำลังโหลดความคิดเห็น