พิจิตร - ชาวบ้านเมืองชาละวันทุกข์เข็ญเจอเทศบาลตำบลหนองปล้อง เล่นกลงบไทยเข้มแข็ง 1.88 ล้านบาท อ้างขุดสระน้ำเพื่อใช้ทำประปาหมู่บ้าน สุดท้ายเอาเงินหลวงไปขุดบ่อน้ำในที่ดินส่วนบุคคล แถมห้ามชาวบ้านข้องเกี่ยว
วันนี้ (28 พ.ค.54) นางพิศมัย พระนาม อายุ 41 ปี อาชีพชาวนา อยู่บ้านเลขที่ 131 หมู่ 10 ต.หนองปล้อง อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร พร้อมพวกที่ประกอบด้วยนางปราณี สุวรรณนุช อายุ 57 ปี , นางสายพิน แก้วเกษ อายุ 41 ปี ,นางเพียรเพ็ญ ภิญโญ อายุ 36 ปี , นางเสน่ห์ คันทะชิต อายุ 63 ปี , นาง พิกุล ไวกิจจี อายุ 36 ปี ได้เข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ คนในบ้านหมู่ที่ 10 ต.หนองปล้องประมาณ 51 ครัวเรือน ซึ่งมีราษฎร 171 คน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเด็กและผู้สูงอายุ ประสบปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำกิน-น้ำใช้ เนื่องจากประปาหมู่บ้านเสียมาเป็นเวลาข้ามปีแล้ว ชาวบ้านที่ฐานะยากจนก็ต้องอาศัยกินน้ำในคลองที่บางคราวก็มีสารพิษตกค้างจากการใช้สารเคมีในการทำการเกษตร คนไหนที่มีฐานะดีหน่อยก็ซื้อน้ำกินทำให้เดือดร้อนกันทั่วหน้า
กระทั่งเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 53 รัฐบาลจัดสรรงบประมาณไทยเข้มแข็ง 1,883,000 บาท ให้ขุดลอกอ่างเก็บน้ำหมู่ 10 ต.หนองปล้อง อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร โดยให้ ทต.หนองปล้อง เป็นผู้ดำเนินการ จัดซื้อจัดจ้างและขุดสระน้ำเสร็จเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2553 จากนั้นเดือน เม.ย.- พ.ค. 2554 มีฝนตกลงมาต่อเนื่องและมีน้ำเต็มสระที่ใช้งบทางราชการขุด ทำให้พวกเขาหวังจะได้สูบน้ำมาทำประปาหมู่บ้านเพื่อได้ดื่มกิน แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อนางประภาพรรณ ใจญาติ ซึ่งเป็นลูกสาวของนายสวาท ชมพูวิเศษ รองนายก ทต.หนองปล้อง มาแสดงสิทธิ์ว่าเป็นเจ้าของสระน้ำ เนื่องจากสระน้ำที่ขุดนั้นตั้งอยู่ในที่นาที่ตนเองเป็นผู้เช่าทำอยู่ ดังนั้นผู้อื่นจะมาละเมิดสิทธิ์มิได้ เพราะต้องการจะเอาน้ำไปใช้เพื่อทำนาของตนเองเท่านั้น ทำให้ชาวนาที่ขาดแคลนน้ำดื่มกินถึงกับงงไปตาม ๆ กันว่า เงินหลวงทำไมไปขุดสระให้ในที่ดินของเอกชนได้อย่างไร
นางพิศมัย เล่าว่า ก่อนหน้านี้ได้คุยกับ สท.หนองปล้อง ทราบว่า โครงการที่จะขอพัฒนาปรับปรุงระบบประปาหมู่บ้าน ที่เสียใช้การไม่ได้อยู่นั้นสภาฯไม่ได้อนุมัติให้ เนื่องจากไม่มีแหล่งน้ำเป็นวัตถุดิบในการที่จะใช้ทำน้ำประปาหมู่บ้าน เรื่องจึงตกไป ส่วนงบไทยเข้มแข็งที่จะใช้ขุดสระแท้จริงแล้วมีผู้อุทิศที่ดินให้ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 3 ไม่ใช่ หมู่ 10 อย่างที่เห็นกันอยู่นี้ ดังนั้น าวบ้านจึงเคลือบแคลงใจ ว่าโครงการดังกล่าวมีการสวมรอยและทำผิดสถานที่
ชาวบ้านกลุ่มนี้เล่าอีกว่า หลังจากชาวบ้านออกมาโวยวาย ได้มีผู้นำชุมชน คือ นายกเทศบาลตำบล , รองนายกเทศบาลตำบลทั้ง 2 คน , ปลัดเทศบาลตำบล ต่างวิ่งมาขอเคลียร์กับชาวบ้านและรับว่า เงินงบประมาณโครงการดังกล่าวนั้น นำไปขุดสระในที่ดินที่เอกชน ยังไม่ได้ยกให้กับทางราชการจริง เพียงแต่จะยกให้ด้วยวาจาเท่านั้น แต่ที่ดินก็ติดจำนองธนาคาร จึงทำให้เอกสารทำไม่สำเร็จลุล่วงจึงขอเจรจากับชาวบ้าน ว่าพบกันครึ่งทาง โดยเจ้าของนาก็ให้มีสิทธิสูบน้ำไปทำนาได้ อีกส่วนหนึ่งก็จะขอให้เอามาทำน้ำประปาหมู่บ้าน หรือ ใครจะไปตักมาดื่มกินก็ไม่ว่ากัน
แต่ชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวไม่ยอม จึงมาร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวเรียกร้องให้นายสุวิทย์ วัชโรทยางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นประธานอนุกรรมการการใช้งบประมาณโครงการไทยเข้มแข็งระดับจังหวัด หรือ สนง.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ให้ช่วยลงพื้นที่พิสูจน์ความจริง และเอาคนผิดมาลงโทษต่อไป