พิจิตร - นายอำเภอสามง่าม เมืองชาละวัน ต้องยกทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจ-กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ออกห้ามทัพชาวนา 4 หมู่บ้านยกพวกเผชิญหน้าเปิดศึกเหตุจากน้ำท่วม
วันนี้ (19 พ.ค.) นายวิเชียร อนุศาสนนันท์ นายอำเภอสามง่าม จ.พิจิตร ต้องนำกำลังตำรวจพร้อมด้วยนายสุวรรณ ภู่ผะกา หรือ “กำนันแจ๊ว” กำนันตำบลรังนก และ นายณรงค์ สิงห์หนหรือ “ผู้ใหญ่เบิ้ม” ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.รังนก ที่เป็นประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำชาวนาลุ่มน้ำยม เข้าเจรจาสงบศึกหลังจากชาวนาจาก หมู่ 1, 2, 3, 7, 9, 12 จำนวนเกือบ 200 คน ที่ยกพวกมาเผชิญหน้ากัน ณ ที่บริเวณปากคลองส่งน้ำบริเวณหมู่ 9 บ้านกระทุ่มน้ำเดือด ต.รังนก อ.สามง่าม จ.พิจิตร
ทั้งนี้ เนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในช่วงนี้ ทั้งในเขต พิจิตร, พิษณุโลก, กำแพงเพชร, สุโขทัย ทำให้น้ำไหลบ่า เข้าท่วมนาข้าว ที่อายุได้ประมาณ 30 วัน นอกจากนี้น้ำในแม่น้ำยมในเขต อ.สามง่าม โดยเฉพาะที่ ต.รังนก ซึ่งเป็นที่ลุ่ม น้ำก็เอ่อล้นเสมอขอบตลิ่งในที่ลุ่ม ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำจากท้องนาลงแม่น้ำยมได้อีกแล้ว
กลุ่มชาวนาทั้งหมด ซึ่งแบ่งเป็น 2 พวก คือ พวกที่อยู่ทางด้านใต้ของหมู่บ้าน คือ หมู่ 3, 7, 9, 12 ก็ต้องการจะให้เปิดทางน้ำให้น้ำไหลไปทางด้านเหนือเพื่อนาข้าวของตนเองจะได้รอดพ้นจากการถูกน้ำท่วม แต่ชาวนาหมู่ 1, 2 และหมู่ 9 บางส่วน ต่างไม่ยอม เพราะถ้าขุดท่อหรือขุดแนวกั้นน้ำที่เป็นถนนออก ก็จะทำให้น้ำไหลบ่าเข้าท่วมนาข้าวของตนเองด้วยเช่นกัน
เมื่อความเห็นแตกแยกกันเช่นนี้ จึงยกพวกมาเผชิญหน้าและปะทะคารม ต่างคนต่างก็ว่าตนเองถูก เถียงกันจนบันดาลโทสะและเริ่มใช้คำหยาบคาย จนเกือบจะมีการวางมวยเกิดขึ้น
จนในที่สุดนายอำเภอสามง่าม และ ผู้นำชุมชน ต้องมาช่วยกันห้ามทัพและเจรจา ยกแม่น้ำทั้ง 5 มาทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายเย็นลง จนได้ข้อยุติ ว่า ขอให้น้ำไหลไปตามธรรมชาติ เพราะช่วงนี้จะยังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทะเลาะกันไปก็ไม่มีประโยชน์สู้หันหน้าเข้าหากันแล้วแก้ปัญหาให้ตรงจุด
ส่วนทางราชการก็จะหาแนวทางหาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบเสียหาย ด้วยการจะหาเงินชดเชย หรือเมล็ดพันธุ์ข้าวมาบรรเทาภัยพิบัติให้ เพราะช่วงนี้ยังมีเวลาแก้ตัวตามประกาศของชลประทานพิจิตร ที่ต้องการให้เริ่มทำนาข้าวในฤดูนาปี ให้เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2554 เป็นต้นไป จนชาวบ้านพอใจ และต่างแยกย้ายกันไป โดยไม่มีมวยหมู่เกิดขึ้น