กาญจนบุรี - รองปลัด ทส. สั่งกรมป่าไม้ขยายผลสืบหาตัวนายทุนการรุกป่าสังขละบุรี กาญจนบุรี
เมื่อเวลา 16.30 น.วันนี้ (17 พ.ค.54) นายสุรพล ปัตตานี รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยถึงการปราบปรามการบุกรุกป่าเพื่อปลูกต้นยางพาราในพื้นที่กาญจนบุรีว่า กาญจนบุรี มีพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์มาตั้งแต่ในอดีต แต่มาช่วงระยะหลังๆ ได้มีการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและมีการเพิ่มของประชากรมากขึ้น
รวมทั้งในเรื่องของการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี จึงทำให้เกิดปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าที่เคยมีมาอย่างอุดมสมบูรณ์ในอดีต ซึ่งปัญหาเหล่านี้ทางทส.พร้อมด้วยหน่วยงานต่างๆที่เป็นพันธมิตร เช่น ทหาร ตำรวจ และองค์กรพัฒนาเอกชน ได้ร่วมมือกันทั้งป้องปรามป้องกันสำรวจ และตรวจจับ
โดยเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมาเราได้ลงพื้นที่อำเภอสังขละบุรี โดยมีท่านสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทส. รวมทั้งปลัดกระทรวงฯ อธิบดีกรมอุทยานฯ อธิบดีกรมป่าไม้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ซึ่งได้สนธิกำลังกันเข้าบุกพื้นที่และจับกุมผู้ต้องหาที่ทำลายป่าได้จำนวนมากพอสมควร
นอกจากนั้นหลังจากนั้นทางจังหวัดก็ได้มีการติดตามผล และขยายผลต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.2554 เป็นวันที่เราลงพื้นที่ ต่อมาวันที่ 11 พ.ค. 2554 เราก็ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ
นายสุรพล กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ได้พบมีการบุกรุกเป็นจุดเล็กจำนวนหลายจุด ซึ่งจากการสำรวจ ตรวจและปราบปรามขณะนี้มีการจับกุมผู้กระทำผิด และสามารถยึดพื้นที่ที่ถูกบุกรุกคืนมาได้ 2,000 กว่าไร่ รวมทั้งได้ยึดทรัพย์สินของผู้บุกรุกไม่ว่าจะเป็นยานพาหนะและเครื่องมือที่ใช้ในการบุกรุกและจับกุมผู้บุกรุกได้เป็นจำนวนมากพอสมควร
ขณะนี้กำลังขยายผลกันออกไปเรื่อยๆ เราพยายามสืบสวนไปให้ถึงกลุ่มนายทุนซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้บงการหรือเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง โดยธรรมชาติแล้วถ้าหากเป็นฝีมือของชาวบ้านเองเชื่อว่าคงไม่มีศักยภาพพอ เพราะว่าจากการที่ดูเครื่องไม้เครื่องมือรวมทั้งพื้นที่ที่ถูกบุกรุกนั้นเป็นพื้นที่ที่กว้างใหญ่พอสมควร
และในขณะนี้เจ้าหน้าที่ของเราก็ได้ดำเนินการอยู่ทุกวันโดยมีเจ้าหน้าที่อยู่ในพื้นที่อำเภอสังขละบุรีประมาณ 100 นายซึ่งคาดว่าอีกประมาณสองอาทิตย์ก็คงจะมีผลทางทางคดีออกมาก็คงจะมีการแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง
ในส่วนของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ 12 คนที่เป็นผู้รับผิดชอบในพื้นที่ขณะนี้เราได้เราได้สั่งย้ายออกนอกพื้นที่ไปก่อนเพื่อความสะดวกในการสืบสวนสอบสวนซึ่งภายใน 30 วันถ้าหากการสอบสวนพบว่าเจ้าหน้าที่ป่าไม้ทั้งหมดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ปล่อยปะละเลยหน้าที่ เราก็คงให้กลับมาทำงานในพื้นที่ดังเดิมแต่หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการลงโทษตามระเบียบอย่างเข้มงวด
เมื่อเวลา 16.30 น.วันนี้ (17 พ.ค.54) นายสุรพล ปัตตานี รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยถึงการปราบปรามการบุกรุกป่าเพื่อปลูกต้นยางพาราในพื้นที่กาญจนบุรีว่า กาญจนบุรี มีพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์มาตั้งแต่ในอดีต แต่มาช่วงระยะหลังๆ ได้มีการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและมีการเพิ่มของประชากรมากขึ้น
รวมทั้งในเรื่องของการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี จึงทำให้เกิดปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าที่เคยมีมาอย่างอุดมสมบูรณ์ในอดีต ซึ่งปัญหาเหล่านี้ทางทส.พร้อมด้วยหน่วยงานต่างๆที่เป็นพันธมิตร เช่น ทหาร ตำรวจ และองค์กรพัฒนาเอกชน ได้ร่วมมือกันทั้งป้องปรามป้องกันสำรวจ และตรวจจับ
โดยเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมาเราได้ลงพื้นที่อำเภอสังขละบุรี โดยมีท่านสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทส. รวมทั้งปลัดกระทรวงฯ อธิบดีกรมอุทยานฯ อธิบดีกรมป่าไม้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ซึ่งได้สนธิกำลังกันเข้าบุกพื้นที่และจับกุมผู้ต้องหาที่ทำลายป่าได้จำนวนมากพอสมควร
นอกจากนั้นหลังจากนั้นทางจังหวัดก็ได้มีการติดตามผล และขยายผลต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.2554 เป็นวันที่เราลงพื้นที่ ต่อมาวันที่ 11 พ.ค. 2554 เราก็ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ
นายสุรพล กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ได้พบมีการบุกรุกเป็นจุดเล็กจำนวนหลายจุด ซึ่งจากการสำรวจ ตรวจและปราบปรามขณะนี้มีการจับกุมผู้กระทำผิด และสามารถยึดพื้นที่ที่ถูกบุกรุกคืนมาได้ 2,000 กว่าไร่ รวมทั้งได้ยึดทรัพย์สินของผู้บุกรุกไม่ว่าจะเป็นยานพาหนะและเครื่องมือที่ใช้ในการบุกรุกและจับกุมผู้บุกรุกได้เป็นจำนวนมากพอสมควร
ขณะนี้กำลังขยายผลกันออกไปเรื่อยๆ เราพยายามสืบสวนไปให้ถึงกลุ่มนายทุนซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้บงการหรือเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง โดยธรรมชาติแล้วถ้าหากเป็นฝีมือของชาวบ้านเองเชื่อว่าคงไม่มีศักยภาพพอ เพราะว่าจากการที่ดูเครื่องไม้เครื่องมือรวมทั้งพื้นที่ที่ถูกบุกรุกนั้นเป็นพื้นที่ที่กว้างใหญ่พอสมควร
และในขณะนี้เจ้าหน้าที่ของเราก็ได้ดำเนินการอยู่ทุกวันโดยมีเจ้าหน้าที่อยู่ในพื้นที่อำเภอสังขละบุรีประมาณ 100 นายซึ่งคาดว่าอีกประมาณสองอาทิตย์ก็คงจะมีผลทางทางคดีออกมาก็คงจะมีการแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง
ในส่วนของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ 12 คนที่เป็นผู้รับผิดชอบในพื้นที่ขณะนี้เราได้เราได้สั่งย้ายออกนอกพื้นที่ไปก่อนเพื่อความสะดวกในการสืบสวนสอบสวนซึ่งภายใน 30 วันถ้าหากการสอบสวนพบว่าเจ้าหน้าที่ป่าไม้ทั้งหมดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ปล่อยปะละเลยหน้าที่ เราก็คงให้กลับมาทำงานในพื้นที่ดังเดิมแต่หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการลงโทษตามระเบียบอย่างเข้มงวด