อาการ “พ่อคูณ” ยังทรงตัว อ่อนเพลียเบื่ออาหาร - แพทย์ต้องประเมินอาการแบบวันต่อวัน

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - อาการอาพาธ “หลวงพ่อคูณ” ทรงตัว ยังอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ฉันได้น้อย ยังไม่พบภาวะแทรกซ้อน แพทย์ระบุต้องประเมินอาการแบบวันต่อวันและสั่งให้อาหารเหลวชนิดชงเสริมสลับน้ำเกลือ หากไม่ดีขึ้นอาจให้อาหารทางหลอดเลือดดำ เผยน้ำหนักแค่ 35 กก. มีผลต่อการรักษาต้องให้ยาสอดคล้องกัน ด้านแพทย์เชี่ยวชาญปอดระบุ ภาวะปอดยังมีรอยรั่วและน้ำเยื่อหุ้มปอดแต่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเล็กน้อย ชี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่พอใจและคนไข้ตอบสนองต่อการรักษาดี

วันนี้ (12 พ.ค.54) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งพักรักษาอาการอาพาธอยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ด้วยโรควัณโรคปอด ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.เป็นต้นมา

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ นพ.พินิศจัย นาคพันธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้นำคณะแพทย์เข้าตรวจอาการของหลวงพ่อคูณ หลังฉันภัตตาหารคาวหวานที่ลูกศิษย์นำมาถวายได้เล็กน้อย และมีอาการเบื่ออาหาร ทางแพทย์ได้ให้ลูกศิษย์นำอาหารเหลวชนิดชงมาให้หลวงพ่อฉัน และพาหลวงพ่อ นั่งรถเข็นออกมาบริเวณหน้าห้องพักประมาณ 3-5 นาทีเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์และให้หลวงพ่อ ได้ผ่อนคลายเนื่องจากนอนพักในห้องผู้ป่วยมานาน

นพ.พินิศจัย นาคพันธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า จากการตรวจร่างกายวันนี้ อาการโดยรวมของหลวงพ่อ ยังคล้ายเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก ยังคงมีอาการอ่อนเพลีย ฉันอาหารได้น้อยและเบื่ออาหาร ไม่พบผลข้างเคียงจากการให้ยารักษาวัณโรคและยังไม่พบภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น

ส่วนอวัยวะอื่นๆ ทั้งหัวใจ สมอง รวมถึงความดันโลหิตภาวการณ์หายใจยังเป็นปกติไม่มีปัญหา มีเสมหะน้อยลง สามารถไอเอาเสมหะออกมาได้บ้าง จากการชั่งน้ำหนักวันนี้ยังอยู่ที่ 35 กิโลกรัม (กก.) ไม่เพิ่มหรือลดลง

สิ่งที่แพทย์เป็นห่วงยังเป็นเรื่องเดิม คือ ผลข้างเคียงของยารักษาวัณโรค และภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่นๆ เนื่องจากตัวท่านมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ส่วนสภาพปอดนั้นคาดว่าให้ยารักษาวัณโรคครบ 2 สัปดาห์จึงจะนำท่านไปเอ็กซเรย์ปอดดูอีกครั้ง ซึ่งการเอ็กซเรย์ครั้งนี้จะช่วยในการวินิจฉัยได้มาก

ส่วนเรื่องการเบื่ออาหารของหลวงพ่อนั้น นพ.พินิศจัย บอกว่า เป็นเรื่องปกติของคนไข้ที่เป็นวัณโรคปอด และผลของการให้ยารักษามักจะเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องน้ำหนักตัวที่น้อยก็มีผลต่อการรักษา เพราะการให้ยาจะต้องคำนวณจากน้ำหนักของคนไข้ด้วย ซึ่งน้ำหนักยิ่งน้อยก็ยิ่งต้องระวังต้องให้สอดคล้องกับน้ำหนัก

อย่างไรก็ตาม หากหลวงพ่อ ยังฉันภัตตาหารได้น้อยก็คงจะมีการให้น้ำเกลือเสริมบ้างสลับกับการให้ท่านฉันอาหารเหลวชนิดชงบ้างและหากยังฉันได้น้อยแพทย์กำลังพิจารณาว่าจะให้อาหารทางหลอดเลือดดำซึ่งขณะนี้กำลังคิดกันอยู่ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงขนาดนั้น

“ในวันพรุ่งนี้ (13 พ.ค.) จะให้ยารักษาวัณโรคครบ 7 วันจะมาประเมินกันอีกครั้งหนึ่ง ทั้งทางด้านการรักษาและผลทางห้องปฏิบัติการ เพื่อวางแผนการรักษาต่อไป อาการของหลวงพ่อต้องประเมินวันต่อวันบอกอะไรล่วงหน้าไม่ได้” นพ.พินิศจัย กล่าว

ด้าน นพ.ธนากรณ์ อนันตเศรษฐกูล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบหายใจ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เปิดเผยถึงอาการหลวงพ่อคูณว่า การรักษาผู้ป่วยวัณโรคนั้น อาการจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไม่ได้เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว คิดว่าภาวะปอดตอนนี้คิดว่าน่าจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรไปมากกว่าเดิมนัก คือ ยังคงมีรอยรั่วในปอด และน้ำในเยื่อหุ้มปอด แต่อาจลดลงเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม แพทย์ค่อนข้างพอใจในการรักษาหลวงพ่อคูณ เนื่องจากเท่าที่ดูฟิล์มเอ็กซเรย์ครั้งล่าสุด ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย และดูสภาพคนไข้ก็ไม่ได้แย่ลง ซึ่งแพทย์ทราบดีอยู่แล้วว่า ไม่หวังให้มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว จึงถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่พอใจและคนไข้ตอบสนองต่อการรักษาดี