กาญจนบุรี - ผอ.รพ.ส่งเสริมสุขภาพฯ อำเภอท่าม่วง กาญจนบุรี หวั่นชาวบ้านรอบๆ โรงงานผลิตเหล้า-เบียร์ชื่อดังที่ได้รับกลิ่นเหม็นจากความมักง่ายของโรงงานเสียสุขภาพจิต เตือนผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าดูแล ขณะที่ ผญบ.ซึ่งเป็นแกนนำ อัดภาครัฐไม่จริงใจแก้ปัญหา เชื่ออีกไม่นานทุกอย่างก็เหมือนเดิม พร้อมแฉมีสื่อบางคนในพื้นที่ขายตัวปิดข่าว
วานนี้ (9 พ.ค.) นางเอื้ออารีย์ พืชกุลพัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพศาลเจ้าโพรงไม้ ต.วังศาลา อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ตรวจสุขภาพชาวบ้านที่อยู่รอบๆ โรงงานผลิตเหล้าและเบียร์ยี่ห้อดังของบริษัท ไทย ซาน มิเกล ลิเคอร์ จำกัด และบริษัท ปภพ รีนิว เอเบิล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกัน ได้ทิ้งน้ำกากส่าเหล้าในพื้นที่หลายร้อยไร่ ในเขตติดต่อหมู่ 1 ต.วังขนาย และหมู่ 1 ต.วังศาลา อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ซึ่งส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วจนชาวบ้านได้รับผลกระทบอย่างหนักจากกลิ่นเหม็นว่า หลังจากคณะแพทย์และพยาบาลได้ลงพื้นที่ตรวจสุขภาพประชาชนที่อาศัยรอบๆ โรงงานแล้ว
ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 8 พ.ค.มีประชาชนมารับการตรวจเพียง 34 รายจากพื้นที่ 2 ตำบลถือว่าน้อยมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการปล่อยข่าวจะไม่มีการตรวจสุขภาพ และทางโรงงานจะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเรื่องการตรวจสุขภาพ จึงทำให้ชาวบ้านมาตรวจสุขภาพกันน้อย แต่ตนขอยืนยันว่าข่าวดังกล่าวที่ถูกปล่อยออไปนั้นเป็นการเข้าใจผิดของชาวบ้านเอง
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสุขภาพชาวบ้านที่มาตรวจสุขภาพผลการตรวจทั้ง 34 รายในเบื้องต้นยังไม่พบความผิดปกติหรือโรคใดๆ ในตัวชาวบ้าน ทำให้แพทย์ไม่ได้ให้ยาไป ทำให้ชาวบ้านเข้าใจว่าแพทย์ไม่สนใจ เพราะเขามั่นใจว่าเขาต้องเป็นอันตราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังวิตกว่าจะมีการเข้าใจกันผิดว่าเจ้าหน้าที่เข้าข้างโรงงาน ซึ่งจริงๆ เจ้าหน้าที่ทุกคนวางตัวเป็นกลาง
“แต่อย่าเข้าใจผิดคิดว่ากลิ่นแก๊สไข่เน่าไม่เป็นอันตราย ขณะนี้เท่าที่บอกได้อย่างน้อยแก๊สไข่เน่าและกลิ่นเหม็นของน้ำเสียที่บ่อกักของโรงงาน ทำให้ชาวบ้านเกิดภาวะทางจิต มีผลกระทบต่อสุขภาพจิตโดยตรง ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องช่วยกันดูแลเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและประชาชนในพื้นที่”
ด้าน นายวิทยา หาญวิสุทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.วังศาลา อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องผลกระทบจากกลิ่นเหม็นจากโรงงานดังกล่าวว่า หลังจากที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นำคณะเข้าตรวจสอบกลิ่นเหม็นเน่าจากโรงงานเริ่มบางไป แต่พอช่วงกลางดึกประมาณตี 1 เป็นต้นไป กลิ่นจะกลับมาเหมือนเดิม โดยเฉพาะช่วงที่มีลมพัดแรงกลิ่นจะรุนแรงแสบจมูกมาก
“ที่ผ่านมาต้องบอกตรงๆ ว่า ผมและชาวบ้านยังไม่เชื่อใจมาตรการที่ทางจังหวัดดำเนินการอยู่ในขณะนี้ว่าจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเมื่อมีการร้องเรียนก็มักจะมีผู้ผู้ใหญ่ในจังหวัดมาดูแล้วก็สั่งดำเนินการ แต่พอนานๆ ไปกลิ่นก็กลับมาเหม็นเหมือนเดิม จนกระทั่งผู้หลักผู้ใหญ่คนใหม่มารับเรื่องใหม่จึงเข้าแก้ไขวนเวียนตลอดอย่างนี้หลายปีแล้วไม่มีจบสิ้นเสียที ไม่มีใครแก้ไขให้กลิ่นหายขาดได้เลย ชาวบ้านในพื้นที่ก็ไม่ไว้ใจหน่วยงานราชการและสื่อมวลชนด้วย นอกจากนี้ ยังมีข่าวในพื้นที่ด้วยว่ามีสื่อมวลชนบางคนขายตัวเพื่อปิดข่าวด้วย ทำให้การเสนอข่าวในเรื่องนี้มีน้อยมากและเงียบหายไป” นายวิทยา หาญวิสุทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.วังศาลา อ.ท่าม่วง ซึ่งเป้นการนำในการเคลื่อนไหวในครั้งนี้กล่าว
วานนี้ (9 พ.ค.) นางเอื้ออารีย์ พืชกุลพัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพศาลเจ้าโพรงไม้ ต.วังศาลา อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ตรวจสุขภาพชาวบ้านที่อยู่รอบๆ โรงงานผลิตเหล้าและเบียร์ยี่ห้อดังของบริษัท ไทย ซาน มิเกล ลิเคอร์ จำกัด และบริษัท ปภพ รีนิว เอเบิล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกัน ได้ทิ้งน้ำกากส่าเหล้าในพื้นที่หลายร้อยไร่ ในเขตติดต่อหมู่ 1 ต.วังขนาย และหมู่ 1 ต.วังศาลา อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ซึ่งส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วจนชาวบ้านได้รับผลกระทบอย่างหนักจากกลิ่นเหม็นว่า หลังจากคณะแพทย์และพยาบาลได้ลงพื้นที่ตรวจสุขภาพประชาชนที่อาศัยรอบๆ โรงงานแล้ว
ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 8 พ.ค.มีประชาชนมารับการตรวจเพียง 34 รายจากพื้นที่ 2 ตำบลถือว่าน้อยมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการปล่อยข่าวจะไม่มีการตรวจสุขภาพ และทางโรงงานจะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเรื่องการตรวจสุขภาพ จึงทำให้ชาวบ้านมาตรวจสุขภาพกันน้อย แต่ตนขอยืนยันว่าข่าวดังกล่าวที่ถูกปล่อยออไปนั้นเป็นการเข้าใจผิดของชาวบ้านเอง
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสุขภาพชาวบ้านที่มาตรวจสุขภาพผลการตรวจทั้ง 34 รายในเบื้องต้นยังไม่พบความผิดปกติหรือโรคใดๆ ในตัวชาวบ้าน ทำให้แพทย์ไม่ได้ให้ยาไป ทำให้ชาวบ้านเข้าใจว่าแพทย์ไม่สนใจ เพราะเขามั่นใจว่าเขาต้องเป็นอันตราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังวิตกว่าจะมีการเข้าใจกันผิดว่าเจ้าหน้าที่เข้าข้างโรงงาน ซึ่งจริงๆ เจ้าหน้าที่ทุกคนวางตัวเป็นกลาง
“แต่อย่าเข้าใจผิดคิดว่ากลิ่นแก๊สไข่เน่าไม่เป็นอันตราย ขณะนี้เท่าที่บอกได้อย่างน้อยแก๊สไข่เน่าและกลิ่นเหม็นของน้ำเสียที่บ่อกักของโรงงาน ทำให้ชาวบ้านเกิดภาวะทางจิต มีผลกระทบต่อสุขภาพจิตโดยตรง ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องช่วยกันดูแลเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและประชาชนในพื้นที่”
ด้าน นายวิทยา หาญวิสุทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.วังศาลา อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องผลกระทบจากกลิ่นเหม็นจากโรงงานดังกล่าวว่า หลังจากที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นำคณะเข้าตรวจสอบกลิ่นเหม็นเน่าจากโรงงานเริ่มบางไป แต่พอช่วงกลางดึกประมาณตี 1 เป็นต้นไป กลิ่นจะกลับมาเหมือนเดิม โดยเฉพาะช่วงที่มีลมพัดแรงกลิ่นจะรุนแรงแสบจมูกมาก
“ที่ผ่านมาต้องบอกตรงๆ ว่า ผมและชาวบ้านยังไม่เชื่อใจมาตรการที่ทางจังหวัดดำเนินการอยู่ในขณะนี้ว่าจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเมื่อมีการร้องเรียนก็มักจะมีผู้ผู้ใหญ่ในจังหวัดมาดูแล้วก็สั่งดำเนินการ แต่พอนานๆ ไปกลิ่นก็กลับมาเหม็นเหมือนเดิม จนกระทั่งผู้หลักผู้ใหญ่คนใหม่มารับเรื่องใหม่จึงเข้าแก้ไขวนเวียนตลอดอย่างนี้หลายปีแล้วไม่มีจบสิ้นเสียที ไม่มีใครแก้ไขให้กลิ่นหายขาดได้เลย ชาวบ้านในพื้นที่ก็ไม่ไว้ใจหน่วยงานราชการและสื่อมวลชนด้วย นอกจากนี้ ยังมีข่าวในพื้นที่ด้วยว่ามีสื่อมวลชนบางคนขายตัวเพื่อปิดข่าวด้วย ทำให้การเสนอข่าวในเรื่องนี้มีน้อยมากและเงียบหายไป” นายวิทยา หาญวิสุทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.วังศาลา อ.ท่าม่วง ซึ่งเป้นการนำในการเคลื่อนไหวในครั้งนี้กล่าว
