ฉะเชิงเทรา- ชาวนากุ้งทยอยเข้าแจ้งความเอาผิดโรงงานปล่อยสารพิษลงสู่คูคลองสาธารณะที่ปากอ่าวบางปะกง เผย ก่อมลพิษจนเกษตรกรประกอบอาชีพทำกินไม่ได้ขณะหน่วยงานภาครัฐเมินเฉยทุกข์ของชาวบ้าน โอดเคยเข้าแจ้งความและร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงาน แต่เรื่องกลับเงียบหาย
วันนี้ (2 พ.ค.) นายวันชัย ครุฑสา อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47/14 ม.3 ต.สองคลอง และ นายเลิศศักดิ์ พูนผล อายุ 37 ปีอยู่บ้านเลขที่ 8/2 ม.3 ต.สองคลอง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ได้เข้าพบพ.ต.ท.สมศักดิ์ เอี่ยมอิ่ม พนักงานสอบสวน สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อเข้าแจ้งความร้องทุกข์เอาผิดต่อเจ้า ของโรงงานรีไซเคิลเผายางรถยนต์แห่งหนึ่ง (บริษัท ซิง ไล ฟา จำกัด) ซึ่งเป็นโรงงานรีไซเคิลยางรถยนต์เก่าเพื่อกลั่นเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล และน้ำมันเตา ตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.8ต.สองคลอง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
โดย นายวันชัย กล่าวว่า เจ้าของโรงงานดังกล่าวได้เข้ามาเช่าที่ดินของกรมธนารักษ์ บนเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ในเขตพื้นที่ม.3 ต.สองคลอง และแจ้งความประสงค์ไว้ต่อกรมธนารักษ์ว่า เพื่อทำนาเกลือแต่ได้นำเอากากของเสียและสารเคมีจากโรงงานอุตสาหกรรมมาทิ้งและแอบฝังกลบสารเคมีที่ต้องมีการนำไปบำบัดอย่างถูกวิธีไว้ที่ผิวดินอย่างมักง่าย จนทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากการรั่วไหลของสารเคมีลงสู่คูคลองสาธารณะ รวมถึงบริเวณปากอ่าวแม่น้ำบางปะกงด้วยจนเกิดความเสียหายจากผลกระทบสารเคมีรั่วไหลเป็นวงกว้างหลากหลายอาชีพ
โดยเฉพาะพื้นที่การทำนากุ้งของชาวบ้าน ที่อยู่ติดกันกับบริเวณดังกล่าวต่างได้รับความเสียหาย และเดือดร้อนกันอย่างหนักถ้วนหน้า เพราะทำกินกันไม่ได้แล้ว โดยเมื่อชาวบ้านนำพันธุ์กุ้งปล่อยลงสู่บ่อเลี้ยงลูกกุ้งก็ต่างพากันช็อกตายจนหมดบ่ออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาจึงเชื่อว่าสาเหตุเป็นเพราะน้ำเสีย
เนื่องจากมีสารเคมีปรนเปื้อนที่ผ่านมาชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนได้เคยเข้าไปร้องเรียนกับทางหน่วยงานราชการหลายหน่วยงานแล้วแต่เรื่องก็ยังเงียบหาย และยังคงเห็นเจ้าของกิจการดังกล่าว ดำเนินธุรกิจรับทิ้งกากของเสียจากภาคอุตสาหกรรมต่อได้อีกอย่างที่ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ ส่วนตนเองนั้น ทำนากุ้งอยู่จำนวน 40 ไร่ ใกล้กันกับพื้นที่ดังกล่าวนั้นไม่สามารถที่จะทำกินได้เหมือนเดิมอีกแล้ว
จึงได้รวมตัวกันพร้อมด้วยเพื่อนบ้านข้างเคียง 7 รายเข้ามาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.บางปะกง ตั้งแต่เมื่อประมาณต้นเดือน ก.พ.54 ที่ผ่านมา แต่เรื่องกลับเงียบหายอีกเช่นเดียวกันจนเวลาผ่านไปนานกว่า 3 เดือนแล้ว จึงได้เข้ามาติดตามทวงถามแต่กลับพบว่ายังไม่มีการดำเนินการใดๆ
โดยทางตำรวจอ้างว่าพวกตนยังไม่ได้เข้ามาให้ปากคำไว้ในวันนี้จึงได้เดินทางมาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนเพื่อต้องการที่จะให้มีการดำเนินคดีต่อเจ้าของโรงงานดังกล่าวที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้าน และผู้คนจำนวนมาก ขณะที่ พ.ต.ท.สมศักดิ์ เอี่ยมอิ่ม นั้นได้ปฏิเสธที่จะพูดคุยถึงความคืบหน้าทางคดีต่อผู้สื่อข่าว และไม่ยินยอมให้ผู้สื่อข่าวเข้าอยู่ภายในห้องสอบสวนกับชาวบ้านด้วย แต่ได้ยินยอมให้เข้าถ่ายภาพได้เพียงชั่วขณะเท่านั้น