xs
xsm
sm
md
lg

คนชายแดนสุดทนลั่นไม่หนีอีก ขุดหลุมหลบภัยเอง - เขมรเร่งขน 100 ศพทหารเน่าพ้นแนวปะทะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายไพรัช สมดี ราษฎรบ้านไทยนิยมพัฒนา  ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์  ซึ่งตั้งอยู่ใกล้จุดปะทะ ด้านชายแดนปราสาทตาควายมากที่สุด เร่งสร้างหลุมหลบภัย และจะไม่อพยพออกจากหมู่บ้านอีก วันนี้ ( 3 พ.ค.)
สุรินทร์- ชาวบ้านชายแดนสุรินทร์สุดทน ลั่นไม่หนีอีกแล้ว เร่งขุดหลุมบังเกอร์หลบลูกกระสุนปืนเขมรตัวเอง เผยทหารกัมพูชาเร่งขนศพเน่าเหม็นเกลื่อนออกจากแนวปะทะ “ปราสาทตาเมือนธม” กว่า 100 ศพ ระบุเสียขวัญหนัก ถูก “ลูกชายฮุน เซน” บังคับให้รบ ทั้งเสนอเลื่อนยศ ตำแหน่ง บ้านพร้อมที่ดินชายแดนและใช้ครอบครัวเป็นตัวประกัน



วันนี้ (3 พ.ค.54) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ หลังเกิดเหตุปะทะขึ้นอีกที่บริเวณปราสาทตาควาย บ.ไทยนิยมพัฒนา ต.บักได อ.พนมดังรัก เมื่อคืนที่ผ่านมาเป็นเหตุให้ทหารไทยเสียชีวิตอีก 1 นาย บาดเจ็บ 3 นาย ชาวบ้านตามหมู่ชายแดนต้องอพยพหนีตายการจ้าละหวั่น ทั้งที่เพิ่งออกจากศูนย์อพยพกลับเข้าไปอยู่ได้ไม่ทันข้ามคืน นั้น

ล่าสุดช่วงบ่ายวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าไปยังหมู่บ้านไทยนิยมพัฒนา ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งอยู่ใกล้จุดปะทะด้านชายแดนปราสาทตาควายมากที่สุด พบประชาชนได้ทยอยเดินทางกลับเข้ามายังหมู่บ้านกันหมดแล้ว และได้พากันสร้างหลุมหลบภัยกันเองบริเวณข้างตัวบ้าน เพื่อใช้หลบกระสุนปืนใหญ่ฝ่ายกัมพูชา โดยต่างบอกว่าจะไม่ยอมเดินทางออกจากบ้านไปพักที่ศูนย์อพยพอีก เพราะต้องทำมาหากิน ดูแลไร่ นา บ้านเรือน และทรัพย์สินต่างๆ

นายไพรัช สมดี อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 34 บ้านไทยนิยมพัฒนา ม. 17 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับปราสาทตาควายมากที่สุด บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เพิ่งเดินทางจากศูนย์อพยพ มาพักที่บ้าน และเมื่อคืนนี้ ( 2 พ.ค.) เวลาประมาณ 22.00 น. มีเสียงปืนดังขึ้นที่ปราสาทตาควายอย่างหนักเป็นระยะ ๆ ทำให้ต้องพาลูก 2 คน และภรรยาหลบอยู่ในตัวบ้าน ไม่ยอมเดินทางออกจากบ้านเรือน เพราะเป็นเวลาค่ำมืดจนเสียงปืนสงบจึงได้หลับนอน

พอรุ่งเช้าวันนี้ ( 3 พ.ค.) ได้พาลูกชาย วัย 5 ขวบ ออกไปหาตัดต้นไม้ มาทำบังเกอร์และขุดหลุมสร้างเป็นหลุมหลบภัยที่บริเวณข้างด้วยตัวเองเท่าที่จะทำได้ เพื่อใช้เป็นสถานที่หลบกระสุนปืนใหญ่ของทหารเขมร ซึ่งแต่ละครอบครัวต้องพยายามช่วยเหลือตัวเองอย่างเต็มที่ก่อน และต่อจากนี้ไปตนจะไม่อพยพออกจากบ้านหนีไปไหนอีกแล้ว เพราะอย่างน้อยปักหลักอยู่ที่บ้านยังสามารถทำงาน ในสวน ไร่ นา และได้ดูแลบ้านเรือนด้วย แต่เมื่อไปอยู่ศูนย์อพยพไม่สามารถทำงานอะไรได้ ทำให้ขาดรายได้ ประกอบกับลูกคนเล็กเพิ่งคลอดได้ 11 เดือน เมื่อไปอยู่ในศูนย์อพยพไม่สะดวกในการดูแลลูกน้อย จึงขออยู่ที่บ้านดีกกว่า ไม่หนีไปไหนอีกแล้ว

ขณะที่ชาวบ้านไทยนิยมพัฒนา ต.บักไก ที่เดินทางออกจากศูนย์อพยพกลับมาอยู่บ้านเรือน ต่างพากันเร่งสร้างหลุมหลบภัยกันอย่างหนาแน่นแข็งแรง เพื่อใช้เป็นที่หลบกระสุนปืนใหญ่และบอกว่าจะไม่ย้ายไปอยู่ศูนย์อพยพอีก ขอปักหลักอยู่ที่บ้าน แม้จะเกิดการสู้รบขึ้นก็ตาม

ด้านแหล่งข่าวทหารไทยที่ฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เปิดเผยว่า หลังได้มีการเจรจาหยุดยิงและทหารพรานไทยได้ล้อมรั้วลวดหนามและนำธงไปปักไว้ไม่ให้ทหารกัมพูชาเข้ามาในเขตตัวปราสาทตาเมือนธม นั้น ขณะนี้ทหารกัมพูชาที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ พ.อ.เนี้ยะ วงศ์ รองผู้บัญชาการและเสนาธิการกองพลน้อยที่ 42 ทหารภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา ซึ่งคุมกำลังการรบกัมพูชาด้านชายแดนปราสาทตาเมือนธม ได้เร่งระดมพากันขนศพทหารกัมพูชาที่ติดอยู่ในหลุมบังเกอร์ ตามโขดหิน ต้นไม้ จำนวนมากในจุดปะทะ กลับเข้าไปยังวัดบ้านกู่ อ.บันเตียอัมปึล จ.อุดรมีชัย ฝั่งตรงข้ามปราสาทตาเมือนธม ห่างจากชายแดนไทยออกไปประมาณ 10 กิโลเมตร (กม.) เพื่อรวบรวมและคัดแยกศพ โดยพบว่ามีการขนย้ายศพมาเป็นเวลา 2 วันแล้ว พร้อมได้เร่งขุดหลุมหลบภัยสร้างบังเกอร์เพิ่มเติม เพื่อป้องกันกระสุนปืนใหญ่ของไทย

“ทหารกัมพูชาเสียชีวิตจำนวนมาก เพราะโดนกระสุนปืนใหญ่ไทยที่ชี้เป้ายิงถล่มลงกลางสนามรบอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งการขนย้ายศพทหารเขมรออกจากแนวปะทะดังกล่าวคาดว่าไม่ต่ำกว่า 100 ศพ เพราะมีกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ และพบซากอวัยวะคนกระจัดกระจายติดอยู่ตามต้นไม้ เต็มไปหมด ” แหล่งข่าวทหารกล่าว

แหล่งข่าวทหาร กล่าวอีกว่า จากได้ที่มีการเจรจาพูดคุยกับทหารฝ่ายกัมพูชา ทราบว่า ขณะนี้ทหารกัมพูชาไม่อยากสู้รบกับทหารไทยเพราะอาวุธยังด้อยกว่า อีกทั้งกลุ่มทหารที่อยู่ประชิดชายแดนไทยและเชี่ยวชาญพื้นที่เป็นอดีตกลุ่มทหารเขมรแดงที่เคยมาอาศัยแผ่นดินไทยอยู่ เป็นหนี้บุญคุณทหารไทยเคยช่วยเหลือในคราวศึกเขมร 3 ฝ่ายจนรอดมาได้ จึงพบมีรายงานทหารกัมพูชาจำนวนมากวิ่งหนีลงจากรถเมื่อมาถึงสมรภูมิรบชายแดน จนทำให้ พล.ท.ฮุน มาเน็ต ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ 91 และ รอง ผบ.ทบ.กัมพูชา บุตรชาย สมเด็จฯ ฮุน เชน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เดือดดาลถึงขั้นประกาศรับสมัครชาวบ้านมาเป็นทหารแทน

ประกอบกับการที่กลุ่มอดีตทหารเขมรแดงต้องมารบครั้งนี้ เนื่องจากมีคำสั่งจาก พล.ท. ฮุน มาเน็ต โดยตรง เพราะต้องการยืมมืออดีตทหารเขมรแดงมาสู้รบกับไทยและต้องการกำจัดอดีตทหารเขมรแดงให้หมดเสี้ยนหนามทางการเมืองด้วย ซึ่งเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว นั่นหมายถึงได้ทั้งคะแนนนิยมประชาชนจากการรบกับไทย และ ได้กำจัดศัตรูทางการทหารไปในตัวด้วย

“ทหารกัมพูชาส่วนใหญ่จึงถูกบังคับให้มารบ และได้รับการยื่นข้อเสนอแลกเปลี่ยนทั้งการเลื่อนยศ ตำแหน่งที่สูงขึ้น และจะให้บ้านพร้อมที่ดินริมชายแดนคนละ 5 ไร่ อีกทั้งยังมีลักษณะการใช้ครอบครัวทหารเป็นตัวประกันด้วย หากใครไม่รบครอบครัวอาจถูกฆ่าทิ้งได้” แหล่งข่าวทหาร กล่าว






ชาวบ้านไทยนิยมพัฒนา ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พากันสร้างหลุมหลบภัยอย่างแน่นหนา


กำลังโหลดความคิดเห็น