ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “โฆษก ทภ. 2” ชี้ สถานการณ์ชายแดนสุรินทร์ คลี่คลาย หลังหน่วยทหารระดับพื้นที่ 2 ฝ่ายพูดคุยกัน ล่าสุดคืนที่ผ่านมามีเสียงปืนแต่ไม่มีการปะทะเกิดขึ้น ยันเลือดไม่ขาดแคลน และทหารไทยในแนวหน้าไม่อดอยาก เสบียงอาหารมีเพียงพอสต็อกไว้ใช้ถึง 5-10 วัน ระบุ “มทภ.2” สั่งปลาร้าบองกว่า 1 หมื่นกระปุก เสริมแรงทหารไทย ยันไม่ประมาทเตรียมพร้อมรบเพื่อรักษาอธิปไตยอย่างเต็มที่ หากถูกยิงก่อนตอบโต้ทันที
วันนี้ (2 พ.ค.) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ภายในค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) เปิดแถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ ว่า จากการที่ผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ของไทยและกัมพูชา ได้ไปพบปะพูดคุยหารือกันเพื่อหามาตรการหลีกเลี่ยงการปะทะกันของทั้ง 2 ฝ่าย ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมาไม่มีการปะทะกันเกิดขึ้น โดยทางฝ่ายกัมพูชาพยายามเข้ามาปริชิดฝ่ายเรา 3-4 ครั้ง และยิงปืนเล็กเข้ามาเล็กน้อย แต่ฝ่ายไทยเราไม่มีการตอบโต้กลับไป โดยสรุปสถานการณ์ตลอดคืนที่ผ่านเป็นที่น่าพอใจ และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีเหตุปะทะเกิดขึ้นแต่อย่างใด
ส่วนที่มีข่าวว่าทหารกัมพูชาถอยร่นถอนกำลังออกจากพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดังรัก จ.สุรินทร์ นั้น พ.อ.ประวิทย์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ มีข่าวหลายข่าวออกมาว่าทหารกัมพูชาเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และเข้ามาพบปะพูดคุยกับทหารไทยในการหยุดยิง เพื่อต้องการนำศพทหารกัมพูชาที่เสียชีวิต และเริ่มมีกลิ่นเหม็นเน่าของซากศพออกไป และขอยอมแพ้ไทย เรื่องนี้ขอชี้แจงว่า ข่าวนี้น่าจะคลาดเคลื่อน ยังไม่ชัดเจนแต่เมื่อวานนี้ (1 พ.ค.) พ.อ.ณัฐ ศรีอินทร์ รองเสนาธิการกองกำลังสุรนารี พร้อมผู้บังคับหน่วยทั้ง ผบ.กองพัน และ ผบ.กองร้อย ได้ไปพบปะพูดคุย กับ พ.อ.เนี๊ยะ วง รองผู้บัญชาการประจำกองพลน้อย ทหารราบที่ 42 ของกัมพูชา ซึ่งได้นำคณะ ผบ.หน่วยในระดับเดียวกันมาพบปะกันที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม และทางด้านตะวันตกของปราสาทตาควาย ทั้ง 2 พื้นที่ เพื่อหารือไม่ให้เกิดการปะทะหรือหลีกเลี่ยงการปะทะ และหากมีเหตุการณ์อะไรขอให้หารือกัน
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ยังทำให้มีการยิงกันอยู่บ้างประปราย คือ ความหวาดระแวงระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา เนื่องจากมีการปะทะกันมาตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.และการวางกำลังในปัจจุบันนั้นมันใกล้กันมาก จึงทำให้เกิดความหวาดระแวงขึ้น แต่จากสถานการณ์จนถึงขณะนี้คิดว่าน่าจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากนี้ทางกองทัพภาคที่ 2 จะได้ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ปะทะ เพื่อให้ประชาชนทยอยกลับบ้านไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ล่าสุด ในทางการข่าวฝ่ายกัมพูชามีการเคลื่อนไหวทางทหารอย่างไรบ้าง พ.อ.ประวิทย์ ตอบว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง หรือปรับกำลังพลกันบ้าง เพราะเมื่อสองฝ่ายเกิดการปะทะกันมาแล้ว ถึงแม้จะมีการพบปะพูดคุยกันก็ตาม แต่มันยังอยู่ในระดับพื้นเท่านั้น กองกำลังแต่ละฝ่ายต้องพัฒนากำลังพลของตัวเองทั้งที่อยู่ในที่ตั้ง และการวางกำลังทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามา
แต่ขอยืนยันอีกว่า ในส่วนของไทยเรายังคงใช้กำลังป้องกันชายแดนทุกจุด ตั้งแต่ด้าน พระวิหาร จ.ศรีสะเกษ มาจนถึงพื้นที่การรบ ด้าน จ.สุรินทร์ โดยใช้กำลังป้องกันชายแดนประจำปี จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเสริมกำลังรบใดๆ แต่อาจสับเปลี่ยนกำลังในแนวหน้าเพื่อมาพักบ้างเป็นเรื่องปกติ และยังไม่มีการนำหน่วยนอกกองทัพภาคที่ 2 มาใช้ แต่หากมีความจำเป็นต้องใช้ ทางกองกำลังของกองทัพภาคที่ 2 ยังมีเพียงพอสามารถสนับสนุนในพื้นที่ได้
พ.อ.ประวิทย์ กล่าวต่อว่า ส่วนมีข่าวว่าโลหิตไม่เพียงพอนั้น ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว เลือดไม่ได้ขาดแคลนแต่อย่างใด อาจเป็นเพราะมีเจ้าหน้าที่ของเราบางคนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เลือดบางกรุ๊ปส่วนใหญ่เป็นของชาวต่างประเทศหายากมากก็ขาดแคลน ซึ่งไม่เกี่ยวกันสำหรับเลือดที่จะใช้โดยทั่วไป และเรื่องนี้ทาง โรงพยาบาลสุรินทร์, โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และ ส่วนที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงแล้ว ว่ามีเพียงพอแน่นอน
“เลือดที่ใช้ในห้วงที่มีการปะทะกันตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.ถึงขณะนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเทศกาลปีใหม่ สงกรานต์ห่างกันมาก ซึ่งช่วงนี้ใช้น้อยมากที่จะใช้สนับสนุนทหารจริงๆมีเพียงทหาร 2 นายเท่านั้นที่มีการใช้เลือด ฉะนั้น ขอชี้แจงให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจว่า ขณะนี้เลือดไม่ได้ขาดแคลน และหากต้องการใช้เลือดมากจริงๆ ไม่ว่าจะไปใช้ด้วยเหตุอะไรก็ตาม ทางกองทัพภาคที่ 2 เรามีกำลังพลและครอบครัวพร้อมที่จะบริจาคเลือดอยู่แล้ว” พ.อ.ประวิทย์ กล่าว
พ.อ.ประวิทย์ กล่าวอีกว่า เช่นเดียวกับเรื่องอาหารเรามีอาหารสต็อกไว้ให้กำลังพลของเราได้ใช้ประมาณ 5-10 วัน นอกจากนี้ทาง ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ยังมีความห่วงใยส่งอาหารสำเร็จรูปที่รับประทานได้ทันทีไปเสริมไว้อีกจำนวนมาก เช่นเดียวกับ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) มีความห่วงใย ได้สั่งการให้เสริมอาหารเพิ่มเติม โดยให้ไปจัดซื้อน้ำพริก โดยเฉพาะปลาร้าบอง ซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้าน อีกกว่า 1 หมื่นกระปุกส่งไปให้ ฉะนั้นจึงไม่ขาดแคลน
ทั้งนี้ ข่าวเรื่องนี้ที่ออกมานั้นเนื่องจากมีบางกลุ่มที่เราไม่ทราบเจตนา ซึ่งเป็นกลุ่มที่อ้างว่ารักชาติรักอธิปไตย ได้ไปช่วยเหลือและมาออกข่าวว่า ผู้บังคับบัญชาปล่อยให้ทหารไทยในพื้นที่อดอยาก คล้ายว่ามาโจมตีทางกองทัพ อันนี้ขอแจ้งให้ประชาชนได้ทราบว่า เรื่องอาหารการกินไม่มีปัญหา ซึ่งข่าวนี้อาจทำให้พี่น้องทหารของเรานั้นมีความรู้สึกที่ไม่ดี จึงขอให้หากจะช่วยเหลือกันก็ช่วยเหลือกันอย่างที่ไม่มีนัยยะ หรือไม่มีความมุ่งหมายอื่นๆ ไม่ใช่ช่วยเหลือเพื่อนำมาประกาศแล้วมาโจมตีอย่างนี้
พ.อ.ประวิทย์ กล่าวอีกว่า ล่าสุดจากเหตุปะทะที่ผ่านมาทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย โดยเฉพาะกำลังพลของกองทัพภาคที่ 2 เสียชีวิตรวม 7 นาย บาดเจ็บกว่า 100 นาย โดยบาดเจ็บจากการปะทะมีกว่า 80 นาย ที่เหลือไม่ใช่จากการรบ เช่น เจ็บป่วย ท้องเสีย เป็นไข้หวัด เป็นต้น แต่ในจำนวนนี้มีกำลังพลของเราที่หายจากอาการบาดเจ็บกลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนแล้วจำนวน 40 นาย เนื่องจากมีขวัญกำลังใจดี และพร้อมปกป้องอธิปไตย
สำหรับพลเรือนมีผู้เสียชีวิตรวม 3 ราย โดยเกิดจากเหตุการปะทะ 1 คน และ เสียชีวิตในพื้นที่รองรับหรือศูนย์อพยพ 2 คน บาดเจ็บรวม 7 คน บ้านเรือนเสียหาย 11 หลัง
“อย่างไรก็ตามแม้สถานการณ์การสู้รบจะคลี่คลายลงแล้วก็ตาม กำลังพลเรายังพร้อมรบอยู่ตลอดเวลายังคงทำหน้าที่รักษาอธิปไตยอย่างเข้มแข็ง มีการลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง ไม่ประมาท ขอยืนยันว่า ด้วยกำลังของกองทัพภาคที่ 2 ที่เรามีอยู่ โดยเฉพาะกำลังป้องกันชายแดน เราพร้อมรบและพร้อมรักษาอธิปไตย ไม่ตั้งอยู่ในความประมาท กำลังพลในที่ตั้งพร้อมตอบโต้ทันทีหากทางกัมพูชามาเล่นแรงกับเรา” พ.อ.ประวิทย์ กล่าว