จันทบุรี - รองเลขาธิการ กปร.ติดตามความก้าวหน้า เรื่องราษฎรทูลเกล้า ขอพระราชทานความช่วยเหลือที่ดินทำกิน ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี
นายโกวิทย์ เพ่งวาณิชย์ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้า กรณีราษฏรตำบลจันทเขลมทูลเกล้า ขอพระราชทานความช่วยเหลือเรื่องที่ดินทำกิน โดยนายณรงค์ ธีรจันทรางกูร รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้นำส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้ารายงานความก้าวหน้า
จากราษฎรในพื้นที่ หมู่ที่ 7 ตำบลจันทเขลม อำเภอเขาคิชฌกูฏ ทูลเกล้า ถวายฏีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือเกี่ยวกับที่ดินทำกิน เมื่อคราวสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2554 ซึ่งหลังจากนั้น ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเจ้าหน้าที่ สำนักงาน กปร.ได้ร่วมหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาคัดกรองราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่พิพาทเป็นรายบุคคล
ซึ่งจากการเข้าตรวจสอบคุณสมบัติของคณะทำงาน มีราษฎรจำนวน 15 รายที่เดือดร้อนที่ดินทำกินในกรณีที่พิพาทบุกรุกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสอยดาว และป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ หมู่ 7 ตำบลจันทเขลม ซึ่งทั้ง 15 ราย ไม่ประสงค์ขอรับที่ดินทำกินจำนวน รายละ 3 ไร่ จาก ส.ป.ก.ในพื้นที่ ตำบลทุ่งขนาน อำเภอสอยดาว เนื่องจากต้องการทำกินในที่ดินเดิม และเกรงว่าหากขอรับที่ดินทำกินจาก ส.ป.ก.จะเสียสิทธิ์ในที่ดินที่พิพาทอยู่ โดยประสงค์ให้พื้นที่พิพาทดังกล่าว เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน จึงลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานไม่ประสงค์ขอรับที่ดินจาก ส.ป.ก.
นายโกวิทย์ เพ่งวาณิชย์ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้า กรณีราษฏรตำบลจันทเขลมทูลเกล้า ขอพระราชทานความช่วยเหลือเรื่องที่ดินทำกิน โดยนายณรงค์ ธีรจันทรางกูร รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้นำส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้ารายงานความก้าวหน้า
จากราษฎรในพื้นที่ หมู่ที่ 7 ตำบลจันทเขลม อำเภอเขาคิชฌกูฏ ทูลเกล้า ถวายฏีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือเกี่ยวกับที่ดินทำกิน เมื่อคราวสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2554 ซึ่งหลังจากนั้น ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเจ้าหน้าที่ สำนักงาน กปร.ได้ร่วมหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาคัดกรองราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่พิพาทเป็นรายบุคคล
ซึ่งจากการเข้าตรวจสอบคุณสมบัติของคณะทำงาน มีราษฎรจำนวน 15 รายที่เดือดร้อนที่ดินทำกินในกรณีที่พิพาทบุกรุกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสอยดาว และป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ หมู่ 7 ตำบลจันทเขลม ซึ่งทั้ง 15 ราย ไม่ประสงค์ขอรับที่ดินทำกินจำนวน รายละ 3 ไร่ จาก ส.ป.ก.ในพื้นที่ ตำบลทุ่งขนาน อำเภอสอยดาว เนื่องจากต้องการทำกินในที่ดินเดิม และเกรงว่าหากขอรับที่ดินทำกินจาก ส.ป.ก.จะเสียสิทธิ์ในที่ดินที่พิพาทอยู่ โดยประสงค์ให้พื้นที่พิพาทดังกล่าว เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน จึงลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานไม่ประสงค์ขอรับที่ดินจาก ส.ป.ก.
