ศรีสะเกษ - ตูมสนั่น 2 ครั้ง คล้ายเสียปืนใหญ่ หรือระเบิด ที่บริเวณภูมะเขือ ด้านทิศตะวันตกเขาพระวิหารชายแดน อ.กันทรลักษ์ ชาวบ้านภูมิซรอล ผวาเปิดฉากปะทะ เตรียมพร้อมอพยพตลอดเวลา ขณะ ช่องสะงำ ส่อปิดด่านยาวนานหลายวันพ่อค้าชาวไทย-กัมพูชา เดือดร้อนวอนยุติการสู้รบ
วันนี้ (25 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณภูมะเขือ ด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร ติดกับ บ้านหนองอุดม ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้มีเสียงดังคล้ายกับเสียงปืนใหญ่หรือเสียงระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง ระยะเวลาเสียงดังห่างกันประมาณ 20 นาที ในช่วงระหว่างเวลา 10.00-10.30 น.ซึ่งได้ทำให้ชาวบ้านภูมิซรอลที่ได้ยินเสียงระเบิดนี้พากันขวัญผวา วิ่งเข้าหลุมหลบภัยกันอย่างโกลาหล แต่เมื่อเวลาผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง เห็นว่า ไม่มีการปะทะกันระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา ที่บริเวณเขาพระวิหาร ชาวบ้านภูมิซรอล และชาวบ้านหนองอุดม ได้พากันออกมาประกอบอาชีพตามปกติ แต่ยังไม่หายจากอาการหวาดผวาเสียงดังที่คล้ายกับเสียงปืนใหญ่ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
ทั้งนี้ ประชาชนชาวบ้านภูมิซรอล และหมู่บ้านชายแดน ด้านเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ต่างพากันเก็บข้าวของทรัพย์สินของมีค่าทั้งหมดบรรจุใส่กระเป๋าเอาไว้ เพื่อเตรียมอพยพได้ทันที หากว่ามีการปะทะกันระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา ที่บริเวณเขาพระวิหาร หรือได้รับแจ้งจากทางราชการให้อพยพเพื่อไปอยู่ในที่ปลอดภัย เพราะมีแนวโน้มว่าการปะทะกันระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา อาจขยายวงกว้างมายังบริเวณชายแดนด้านเขาพระวิหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกัน จากการที่มีการปะทะกันระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ ปรากฏว่า ได้ส่งผลกระทบการค้าและการท่องเที่ยวที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชาช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เป็นอย่างมาก เนื่องจากได้มีการประกาศปิดด่านช่องสะงำเป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.54 เป็นต้นมา ทั้งนี้ เพื่อปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และได้ส่งผลกระทบต่อบรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาวไทย เพราะทำให้ขาดรายได้จากการค้าขายสินค้ากับชาวกัมพูชา
ขณะนี้มีบรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาวไทย จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 67 ครอบครัว มีเหลืออยู่ในพื้นที่บริเวณตลาดไทยช่องสะงำ ประมาณ 34 ครอบครัว และพ่อค้าแม่ค้ากลุ่มนี้ไม่กล้ากลับลงไป เนื่องจากต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขนย้ายสินค้า ขณะที่พ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่งที่บ้านอยู่ไกลจากจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำเข้าไปในเขตประเทศกัมพูชาหลายร้อยกิโลเมตร ก็ไม่สามารถที่จะกลับบ้านได้ต้องอาศัยหลับนอนอยู่บริเวณจุดตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของกัมพูชาที่ห่างจากจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ เพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น
นางโบ ลา อายุ 40 ปี แม่ค้าชาวกัมพูชา ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ และไม่สามารถเดินทางกลับบ้านในประเทศกัมพูชา กล่าวว่า เมื่อมีการปิดจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ไทยได้นำตนส่งข้ามไปที่ฝั่งกัมพูชา แต่ตนไม่สามารถเดินทางกลับจังหวัดของตนเองได้ เพราะอยู่ไกล ประกอบกับไม่มีรถยนต์ที่จะขออาศัยเดินทางไปได้ ต้องอาศัยหลับนอนในบริเวณหลังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของประเทศกัมพูชา หากมีการสู้รบกันบริเวณนี้ ตนเองคงต้องตายแน่ๆ แต่ก็ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้
เมื่อวานนี้ มีการเปิดอีกครั้ง ตนจึงกลับมาขายสินค้าเล็กน้อยอีกครั้ง และจะไม่ยอมกลับไปอีก จะยอมให้เจ้าหน้าที่จับไปดีกว่า อย่างน้อยก็มีข้าวกิน มีที่นอน อยากขอวิงวอนให้ทั้งสองประเทศเลิกการสู้รบกัน ประชาชนตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย จะได้ทำมาค้าขายสินค้าเลี้ยงชีวิต และครอบครัวอย่างปกติต่อไป
ทางด้าน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า การที่มีการปิดด่านช่องสะงำเป็นการชั่วคราวนี้ได้ส่งกระทบต่อการค้าขายเป็นอย่างมาก เนื่องจากปกติแล้วพ่อค้าแม่ค้าชาวไทย จะส่งสินค้าจำพวกเครื่องอุปโภคบริโภคไปขายในเขตประเทศกัมพูชา มูลค่าเดือนละประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งหากมีการปิดด่านช่องสะงำเป็นเวลานานนับเดือน จะทำให้เกิดความเสียหายจากด่านการค้าเดือนละประมาณ 10 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย แต่เชื่อว่า ไม่นานสถานการณ์คงจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
วันนี้ (25 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณภูมะเขือ ด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร ติดกับ บ้านหนองอุดม ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้มีเสียงดังคล้ายกับเสียงปืนใหญ่หรือเสียงระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง ระยะเวลาเสียงดังห่างกันประมาณ 20 นาที ในช่วงระหว่างเวลา 10.00-10.30 น.ซึ่งได้ทำให้ชาวบ้านภูมิซรอลที่ได้ยินเสียงระเบิดนี้พากันขวัญผวา วิ่งเข้าหลุมหลบภัยกันอย่างโกลาหล แต่เมื่อเวลาผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง เห็นว่า ไม่มีการปะทะกันระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา ที่บริเวณเขาพระวิหาร ชาวบ้านภูมิซรอล และชาวบ้านหนองอุดม ได้พากันออกมาประกอบอาชีพตามปกติ แต่ยังไม่หายจากอาการหวาดผวาเสียงดังที่คล้ายกับเสียงปืนใหญ่ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
ทั้งนี้ ประชาชนชาวบ้านภูมิซรอล และหมู่บ้านชายแดน ด้านเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ต่างพากันเก็บข้าวของทรัพย์สินของมีค่าทั้งหมดบรรจุใส่กระเป๋าเอาไว้ เพื่อเตรียมอพยพได้ทันที หากว่ามีการปะทะกันระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา ที่บริเวณเขาพระวิหาร หรือได้รับแจ้งจากทางราชการให้อพยพเพื่อไปอยู่ในที่ปลอดภัย เพราะมีแนวโน้มว่าการปะทะกันระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา อาจขยายวงกว้างมายังบริเวณชายแดนด้านเขาพระวิหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกัน จากการที่มีการปะทะกันระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ ปรากฏว่า ได้ส่งผลกระทบการค้าและการท่องเที่ยวที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชาช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เป็นอย่างมาก เนื่องจากได้มีการประกาศปิดด่านช่องสะงำเป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.54 เป็นต้นมา ทั้งนี้ เพื่อปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และได้ส่งผลกระทบต่อบรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาวไทย เพราะทำให้ขาดรายได้จากการค้าขายสินค้ากับชาวกัมพูชา
ขณะนี้มีบรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาวไทย จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 67 ครอบครัว มีเหลืออยู่ในพื้นที่บริเวณตลาดไทยช่องสะงำ ประมาณ 34 ครอบครัว และพ่อค้าแม่ค้ากลุ่มนี้ไม่กล้ากลับลงไป เนื่องจากต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขนย้ายสินค้า ขณะที่พ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่งที่บ้านอยู่ไกลจากจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำเข้าไปในเขตประเทศกัมพูชาหลายร้อยกิโลเมตร ก็ไม่สามารถที่จะกลับบ้านได้ต้องอาศัยหลับนอนอยู่บริเวณจุดตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของกัมพูชาที่ห่างจากจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ เพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น
นางโบ ลา อายุ 40 ปี แม่ค้าชาวกัมพูชา ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ และไม่สามารถเดินทางกลับบ้านในประเทศกัมพูชา กล่าวว่า เมื่อมีการปิดจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ไทยได้นำตนส่งข้ามไปที่ฝั่งกัมพูชา แต่ตนไม่สามารถเดินทางกลับจังหวัดของตนเองได้ เพราะอยู่ไกล ประกอบกับไม่มีรถยนต์ที่จะขออาศัยเดินทางไปได้ ต้องอาศัยหลับนอนในบริเวณหลังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของประเทศกัมพูชา หากมีการสู้รบกันบริเวณนี้ ตนเองคงต้องตายแน่ๆ แต่ก็ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้
เมื่อวานนี้ มีการเปิดอีกครั้ง ตนจึงกลับมาขายสินค้าเล็กน้อยอีกครั้ง และจะไม่ยอมกลับไปอีก จะยอมให้เจ้าหน้าที่จับไปดีกว่า อย่างน้อยก็มีข้าวกิน มีที่นอน อยากขอวิงวอนให้ทั้งสองประเทศเลิกการสู้รบกัน ประชาชนตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย จะได้ทำมาค้าขายสินค้าเลี้ยงชีวิต และครอบครัวอย่างปกติต่อไป
ทางด้าน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า การที่มีการปิดด่านช่องสะงำเป็นการชั่วคราวนี้ได้ส่งกระทบต่อการค้าขายเป็นอย่างมาก เนื่องจากปกติแล้วพ่อค้าแม่ค้าชาวไทย จะส่งสินค้าจำพวกเครื่องอุปโภคบริโภคไปขายในเขตประเทศกัมพูชา มูลค่าเดือนละประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งหากมีการปิดด่านช่องสะงำเป็นเวลานานนับเดือน จะทำให้เกิดความเสียหายจากด่านการค้าเดือนละประมาณ 10 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย แต่เชื่อว่า ไม่นานสถานการณ์คงจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ