สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แปดริ้ว ชี้ปักษ์ใต้ไข่แพงเพราะน้ำท่วม

ฉะเชิงเทรา -สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แปดริ้ว ระบุ กระแสข่าวไข่ไก่แพงในแถบจังหวัดภาคใต้ เกิดจากปัญหาในด้านการขนส่ง พื้นที่ถูกน้ำท่วม เส้นทางถูกตัดขาด รวมถึงฟาร์มเลี้ยงไก่ในพื้นที่เองได้รับความเสียหาย ไม่เกี่ยวกับผู้ผลิตเพื่อการบริโภคในประเทศกักตุน

วันนี้ (18 เม.ย.) นายสันติ วิโรจน์บริสุทธิ์ ที่ปรึกษาสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ต้นแบบแห่งแรกของประเทศไทย กล่าวถึงกระแสข่าวที่มีออกมา ว่า ราคาไข่ไก่ในเขตจังหวัดภาคใต้มีราคาขายแพง ทะลุถึงฟองละกว่า 4-5 บาท และมีแนวโน้มว่าจะเกิดการขาดตลาดนั้น เป็นเพียงปัญหาในระดับพื้นที่ ที่เป็นผลกระทบมาจากปัญหาจากภาวะน้ำท่วม ที่ทำให้การขนส่งไข่ไก่จากภาคกลาง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตใหญ่ของประเทศนั้น ไปไม่ถึงยังที่หมาย หรือไปถึงล่าช้ากว่าปกติ เนื่องจากเส้นทางถูกกระแสน้ำท่วมตัดขาดได้รับความเสียหาย

จึงทำให้การขนส่งเป็นไปอย่างยากลำบาก พ่อค้าจึงได้ฉวยโอกาสโก่งราคาขายปลีกให้แพงขึ้นจากภาวะขาดแคลนนี้ ซึ่งอาจแพงขึ้นไปถึง 5-6 บาทต่อฟอง ขณะเดียวกัน ฟาร์มเลี้ยงไก่ในพื้นที่เอง ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ก็ได้รับความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมที่ผ่านมาในครั้งนี้ด้วยเช่นเดียวกัน จึงอาจเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้ไข่ไก่ในแถบจังหวัดทางภาคใต้เกิดภาวะขาดแคลนต่อเนื่อง

ส่วนในพื้นที่อื่นๆ เชื่อว่า ยังมีไข่ไก่ขายกันได้ตามปกติ ซึ่งราคาอาจจะสูงอยู่ที่ฟองละ 3.10 บาท ในราคาไข่คละนั้น ก็เป็นผลมาจากปัญหาการระบาดของโรคนิวคาสเซิล จนทำให้เกษตรกรยังไม่เข้าไก่ หรือพักฟาร์มตามที่ได้เคยชี้แจงให้ผู้บริโภคทราบผ่านสื่อไปแล้ว จึงทำให้ผลผลิตในภาพรวมทั้งประเทศลดลงไปบ้าง เพียงประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ ฟาร์มที่เคยผลิตได้ 120,000 ฟอง ขณะนี้สามารถผลิตได้วันละ 100,000 ฟอง ซึ่งก็ยังคงมีไข่ไก่ส่งไปจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคได้ทุกวัน

นอกจากนี้ จากการที่ได้พูดคุยกันระหว่างสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ด้วยกันจากทั่วประเทศ ที่มีอยู่ 5 แห่ง คือ สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ชลบุรี อ่างทอง เชียงใหม่ ลำพูน และฉะเชิงเทรา ไม่มีสหกรณ์ใดมีไข่เหลือเก็บ หรือกักตุนไว้ในห้องเย็น และไม่มีสหกรณ์ใดส่งไข่ไก่ออกไปขายยังนอกประเทศ เพราะเป็นผลิตเพื่อการบริโภคภายในประเทศ หากเหลือล้นจึงจะส่งออก แต่ตลอด 2 ปีที่ผ่านมานั้น ทุกสหกรณ์ก็ไม่ได้มีการส่งออกไข่ไก่แต่อย่างใด หลังจากเกิดปัญหาเรื่องโดนลดพันธุ์สัตว์ และถูกควบคุมแม่พันธุ์ในช่วงปลายปี 2551

ขณะนี้จึงมีแต่เพียงบริษัทผู้ผลิตอาหารยักษ์ใหญ่ของภาคเอกชนบางรายเท่านั้น ที่ทำการส่งออกไข่ไก่ เนื่องจากมีการทำสัญญาซื้อขายกันก่อนล่วงหน้า จึงต้องส่งไข่ไก่ออกไปจำหน่ายตามจำนวนออเดอร์ที่ได้เคยทำสัญญากันไว้อย่างต่อเนื่อง และหลังจากเดือน มิ.ย.-ก.ค.54 ไปแล้วนั้น คาดว่า สถานการณ์จะดีขึ้น หลังจากเกษตรกรเริ่มนำไก่เข้าฟาร์ม หรือปัญหาการระบาดของโรคนิวคาสเซิลหมดไป จนสามารถกลับมาผลิตไข่ไก่ออกมาจำหน่ายได้ตามปกติ