พระนครศรีอยุธยา - ผอ.สำนักกรมศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา พร้อมตำรวจกรุงเก่า เข้ารวบพระธุดงค์ มาปักกลดอยู่ที่วัดร้างในพระนครศรีอยุธยา แอบขุดของโบราณสถานเป็นจำนวนมาก
เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (11 เม.ย.) นายสุพจน์ พรหมมาโนช ผู้อำนวยการสำนักกรมศิลปากรที่ 3 จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งว่า มีพระบุกรุกสถานที่โบราณที่บริเวณวัดร้างวัดพญาพาน หมู่ 2 ต.สำเภาล่ม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
จึงพร้อมด้วย นายพีรศักดิ์ อรุณรัตน์ อายุ 45 ปี เจ้าหน้าที่บริหารทั่วไป อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพระนครศรีอยุธยา เข้าไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุอยู่ฝั่งตรงข้ามหมู่บ้านโปรตุเกส อยู่ห่างถนนประมาณ 400 เมตร ทั้ง 2 ข้างทางเป็นป่ารกต้องเดินเท้าเข้าไปอีก 50 เมตร พบ พระคณาสิทธิพจน์ สมศักดิ์ชนสุธี อายุ 50 ปี ตรวจสอบพบเต้นกางไว้จำนวน 1 หลัง และห้องน้ำ 1 ห้องภายในเต็นท์ พบพลั่ว เสียม จอบ มีด อุปกรณ์ขุดดินจำนวนหนึ่ง และชิ้นส่วนเศษกระเบื้องหลังคา เศษกระเบื้องชาม ไห และพระพุทธรูปโบราณจำนวนหนึ่ง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานแล้วนำตัวพระ และของกลางไปสอบสวนที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา
พ.ต.อ.สมบัติ ชูชัยยะ ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา ทำการสอบสวน พระคณาสิทธิพจน์ พบว่า สังกัดจำพรรษาอยู่ที่วัดหนองตูม ต.หนองตูม อ.กงไกรลาส จ.สุโขทัย ได้เดินธุดงค์ปฏิบัติธรรมออกจากวัดหนองเต่า มุ่งหน้ามาทางทิศใต้มานานกว่า 3 เดือน และได้มาปักกลดปฏิบัติธรรม อยู่ที่วัดพญาพาน ที่เกิดเหตุเพราะเห็นว่าเป็นวัดร้างมีร่องรอยศาสนสถานกระจายอยู่ทั่วไป แต่ทรุดโทรมไม่มีคนดูแลปล่อยไว้รกรุงรัง
จึงเข้าทำการถากถางทำความสะอาดไว้เป็นที่ปฏิบัติธรรม และได้ขุดพื้นที่บางส่วนของวัดสร้างเป็นกุฏิ ห้องน้ำ และไปพบเศษซากโบราณสถานและเศษชิ้นส่วนพระพุทธรูป จึงเก็บรักษาไว้เท่านั้นไม่มีเจตนาทำลาย หรือเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัวแต่อย่างไร มาทราบภายหลังเมื่อมีเจ้าหน้าที่กรมศิลปกรเข้ามาตรวจสอบ
พ.ต.อ.สมบัติ ได้สั่งการให้ตำรวจเข้าตรวจสอบพื้นที่วัดพญาพานอย่างละเอียด เป็นพื้นที่อยู่ในความดูแลของ สำนักงานศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา ดูแล้วพระท่านไม่มีเจตนาที่จำค้นหาทำลายโบราณสถาน ซึ่งทางกรมศิลปากร ได้เข้าตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างละเอียด จึงได้ตักเตือนว่าการเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวเป็นการกระทำความผิด และได้นิมนต์ให้พระ ได้ออกจากพื้นที่ ส่งตัวกลับ จ.สุโขทัย
